söndag 18 september 2016

เส้นทางประชาธิปไตยไทย

James Walsky Magazine

เส้นทางประชาธิปไตยไทย
ตอน วาทกรรมและลัทธิบูชาเทพเจ้า คือ ต้นธารความขัดแย้ง
การไม่ยึดหลักการ เมื่อถึงที่สุด ก็นำไปสู่การต้องใช้วาทกรรมและบูชาตัวบุคคล(ไม่ว่าเหลืองหรือแดง) นี่คือต้นธารแห่งความขัดแย้ง....
เรื่องนี้หากไม่ยอมรับ อีก ๕๐ ปีก็จะย่ำอยุ่ที่เดิมหรือ แย่กว่า......
Image may contain: 4 people 
Atukkit Sawangsuk

หลัง ต้องยุติเสวนา ผมเข้าไปจับมือให้กำลังใจอี้ แทนคุณ แม้ไม่ยอมรับบทบาทของเขาช่วงปี 53 และยังเห็นต่างหลายประการ แต่ก็ชื่นชมที่เขากล้ามาพูด กล้าแสดงทัศนะ ซึ่งก็เปิดกว้างขึ้นหลายอย่าง เช่นที่บอกว่าม็อบเสื้อเหลืองไม่ควรนำสถาบันเข้ามาเกี่ยวข้อง แต่แน่ละครับ มันเป็นไปไม่ได้ที่เราจะเรียกร้องให้เขามีทัศนะเหมือนเราทุกอย่าง มันเป็นไปไม่ได้ที่จะให้เขามายอมรับว่าผิดทุกข้อ (ในขณะที่ความจริงนะ ทักษิณ นปช. ก็มีด้านที่ผิดด้วย) ในความเป็นมนุษย์ปุถุชนก็ต้องเข้าใจกัน (เพราะเราก็เป็นเหมือนกัน)

ประเด็นที่มันเป็นจุดเดือดคืออี้ถามว่า ทำไมเสื้อแดงยอมรับได้กับนิรโทษสุดซอย นิรโทษให้อภิสิทธิ์ สุเทพด้วย ทรยศมวลชนที่ตายเมื่อปี 53 ทำไมไม่ยอมให้เป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม ขณะที่ทางเราก็ถามว่าเมื่อยุบสภาแล้วทำไมไม่เลิก ผมเข้าใจว่าถึงตอนนั้น อี้ก็เริ่มมีอารมณ์ มวลชนก็มีอารมณ์ ต่างฝ่ายต่างจี้ถามกัน (อย่าไปเรียกร้องใครเป็นพระนะครับ อี้โดนหนักตั้งแต่แรก ขึ้นมาก็โดนแจกกล้วย เป็นธรรมดาของปุถุชน)
แต่ผมก็จะไม่โทษมวลชนเหมือนกันว่า "คับแคบ" เพราะมวลชนคับแค้นมานานแล้ว (อย่าลืมว่าอี้ก็มีบทบาทปลุกพลังสลิ่มในปี 53 มาชี้หน้าทักกี้ทรยศมวลชนที่ตาย มันก็ทำให้มวลชนยัวะ) พร้อมกันนั้น ในแวดวงเสื้อแดงก็ไม่ค่อยพูดถึงความผิดเรื่องนิรโทษสุดซอยซักเท่าไหร่เพราะ เมื่อเหตุการณ์มันข้ามมาถึงยุบสภาแล้วม็อบนกหวีดไม่ยอมเลิก ก็หันไปประณามสลิ่มขัดขวางเลือกตั้ง เห็นคนไม่เท่ากันไม่เอาประชาธิปไตย

ที่จริงเรื่องนี้เสื้อแดงก็ผิดนะ แม้ว่าส่วนหนึ่งไม่เห็นด้วยกับนิรโทษสุดซอยลักหลับตอนตีสี่ แต่ตอนที่ บก.ลายจุดนัดชุมนุมต้านนิรโทษ ก็ไม่ยักมีคนไปร่วมซักเท่าไหร่ แน่ละ เข้าใจได้ หนึ่ง มวลชนหมดความเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรม (ไงๆ มาร์ค เทือก ก็ไม่ติดคุกหรอก) ยอมรับนิรโทษให้เพื่อนออกคุกดีกว่า สอง แม้บางคนขัดใจไม่เห็นด้วยแต่ก็ลังเลไม่อยากแสดงพลังเข้าทาง กปปส.ที่อ้าปากก็เห็นลิ้นไก่ว่าอยากล้มรัฐบาล
เข้าใจได้ครับ แต่ถึงที่สุดในหลักการ ก็ต้องยอมรับว่าผิดนะ ไม่ได้แสดงพลังที่เข้มแข็งพอที่จะขัดขวางทักษิณ ถ้าเราจะให้ทุกฝ่ายยอมรับผิดเพื่อหาจุดร่วมไปสู่ประชาธิปไตย เราก็ต้องยอมรับตรงนี้ด้วย

ส่วนที่ว่าม็อบนกหวีดเมื่อยุบสภาแล้วทำไมไม่เลิก ที่อี้มองว่า มวลชนนกหวีดอยากให้พรรคเพื่อไทยรับผิดชอบมากกว่านั้น ผมก็เข้าใจได้เช่นกัน นี่้เป็นอารมณ์ค้างของมวลชน ผสมความเกลียดชังที่ปลุกกันมานาน ปัญหามันอยู่ที่แกนนำและผู้อยู่เบื้องหลังมากกว่า ต้องการอะไร ที่จริงเรื่องนี้ก็เทียบได้กับเสื้อแดงปี 53 อภิสิทธิ์รับปากยุบสภาใน 6 เดือน ทำไมไม่ยอมสลายม็อบ ผมเข้าใจได้ถึงอารมณ์มวลชน มาถึงขั้นนั้นไม่เลิกง่ายๆ แต่ก็ต้องวิพากษ์แกนนำว่าเมื่อเจรจากันแล้วทำไมคุณไม่หาทางลง (เพียงแต่ผลลงเอยที่มันต่างกันเพราะม็อบเสื้อแดงไม่มีเส้น จึงตายเกลื่อน-คือเวลาบอกว่าเสื้อแดงก็มีส่วนผิดนี่ ต้องเติมเงื่อนไขด้วยนะว่าคนมันโดนข้างเดียวมา 10 ปี จะให้ต่อสู้พับเพียบทำอะไรถูกๆ หมดทุกอย่างก็เกินไป๊)

ย้อนมาที่การเสวนา ผมคิดว่าเราอาจเริ่มต้นผิดที่เอาความเห็นต่างมาถกกันเรื่องมองย้อนหลัง แทนที่จะมองไปข้างหน้า ซึ่งมีจุดร่วมมากกว่า คือเรื่องการมองย้อนหลังนี่ต่อให้ปรับทัศนคติตัวเองกันอย่างไร มันก็ยากส์ที่จะไม่ทะเลาะกัน มันอาจจะต้องพูดเรื่องไปข้างหน้า เฮ้ย ทำไงวะ วันนี้ตายหยังเขียดทั้งพรรคเพื่อไทยประชาธิปัตย์ วันนี้ถูกตรึงหมดทั้งพลังเสื้อเหลืองเสื้อแดง เหลือแต่สลิ่มชื่นชมผ่องพรรณ เฮ้ย ทำไงวะ ที่จะปฏิรูปพรรรคเพื่อไทยประชาธิปัตย์ ช่วงชิงอำนาจเลือกตั้งคืนมาจากรัฐทหารรัฐราชการ ฯลฯ แล้วระหว่างคุยเรื่องไปข้างหน้า ก็เถียงกันไปข้างหลังที่ละเรื่องๆ แบบนั้นยังอาจถกกันได้
http://www.matichon.co.th/news/289744

Inga kommentarer:

Skicka en kommentar