torsdag 20 augusti 2015

ใคร(ไม่)อยากปรองดอง





ใคร(ไม่)อยากปรองดอง
คอลัมน์ ใบตองแห้ง



วันที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2558 เวลา 21:43 น.
จำนวนคนอ่านล่าสุด 1517 คน
ระเบิดราชประสงค์ทำให้คนตาย 20 เจ็บ 123 พร้อมกับความเสียหายทางเศรษฐกิจ การลงทุน การท่องเที่ยว แต่ในด้านกลับ ความสูญเสีย ความเศร้าสลด ความตื่นตระหนกและโกรธแค้นก็เป็นโอกาสสร้างความ "ปรองดอง" ด้วยเช่นกัน ถ้าไม่มีใครฉวยมันมามุ่งตอกลิ่มความขัดแย้ง

อ้าวก็ความตายความเสียหายไม่ได้เลือกสีเสื้อ ไม่ว่าเสื้อสีไหนก็กลัวตัวเองหรือคนใกล้ชิดโดนระเบิดเหมือนๆ กัน ฉะนั้นไม่ว่าจะชอบหรือไม่ชอบทางการเมือง ก็ต้องเอาใจช่วยให้รัฐบาล ตำรวจ ทหาร จับคนร้ายระงับเหตุได้โดยเร็ว

บ.ก.ลายจุด สมบัติ บุญงามอนงค์ จึงบอกว่า "เลิกบ้า เรื่องสีเสื้อได้แล้ว" มาช่วยกันเป็นหูเป็นตา รับมือและกอบกู้สถานการณ์ "ขอให้รัฐบาลเป็นตัวกลางเชื่อมทุกผู้คนในสังคม และนำพาสังคมไทยผ่านพ้นช่วงเวลาแห่งวิกฤตครั้งนี้ไป ร่วมกัน"

น่าเสียดายที่คนคิดอย่าง บ.ก.ลายจุดมีไม่มากพอ เพราะในโลกออนไลน์สื่อออนไลน์เต็มไปด้วยการให้ร้ายป้ายสีทฤษฎี conspiracy ไม่ต้องมีพยานหลักฐาน ยิ่งไปกว่านั้น คนของรัฐบาลบางคน ควันระเบิดไม่ทันจางก็ออกมาขันก่อนไก่ ปล่อยผัง "กลุ่มการเมือง" โยงใย ไม่รู้มีปากไว้ทำไม คิดหรือว่าพูดอย่างนี้แล้วจะเป็นผลดีกับรัฐบาล ตอนระเบิดเกาะสมุยก็พลาดมาครั้งแล้ว

รัฐบาลทหารซึ่งปกครอง ประเทศบนความแตกแยกต้องเข้าใจอารมณ์สังคมที่อ่อนไหว ว่ามีทั้งความพอใจไม่พอใจทางการเมือง ความรู้สึกต่อต้าน หวาดระแวง ไม่ไว้วางใจ ไปถึงเชียร์หัวปักหัวปำ แต่ขณะเดียวกันเรื่องความปลอดภัยในชีวิตทรัพย์สินซึ่งเป็นเรื่องส่วนรวม คนส่วนใหญ่ก็เอาใจช่วยท่านรักษาความสงบ อย่าฉวยสองด้านไปปนเปื้อนกัน

ถ้ารัฐบาลมุ่งคุ้มครองประชาชน เป็นตัวกลางระดมพลังทางสังคม เป็นหูเป็นตาเยียวยาช่วยเหลือกัน เรื่องหาตัวคนผิดว่าไปตามพยานหลักฐาน ระมัดระวังการให้ถ้อยคำ หนักแน่นแน่วแน่และมั่นคง ก็จะ "ได้ใจ" คนส่วนใหญ่ แม้คำว่าได้ใจไม่ได้แปลว่าจะต้องเห็นด้วยทางการเมือง

ที่ท่านนายกฯ แถลงผ่านทีวีพูลขอความร่วมมืออย่าขยายความคิดเห็นชี้นำการสอบสวนทำให้สังคม สับสน จึงถูกต้องน่าชื่นชม แต่ต้องให้ผู้มีตำแหน่งหน้าที่ทุกคนยึดกุมอย่างเคร่งครัดด้วย ไม่งั้นมีใครออกมาอ้างข่าวกรองป้ำเป๋อก็จะทะเลาะกันไปใหญ่

พูดอย่างนี้ไม่ได้บอกให้ตัดประเด็นการเมืองออกไป เพราะตัดไม่ได้ทุกประเด็นนั่นแหละ แต่ต้องว่าไปตามพยานหลักฐาน ไม่แสดงความปักใจหรือมีอคติชี้นำ อย่าลืมว่าเราอยู่บนความหวาดระแวง ไม่เชื่อใจกันมายาวนาน กระบวนการยุติธรรมก็ไม่ทำให้คนเชื่อมั่น แถมยังอยู่ใต้ ม.44

ฉะนั้น วิกฤตจะเป็นโอกาสสร้างความปรองดองหรือไม่ก็อยู่ที่ท่าทีรัฐบาล ส่วนคนอีกด้านที่เชื่อว่าเป็นโอกาส "เอาชนะ" ก็ปล่อยไปเถอะ คิดหรือว่าถ้าพวกคุณสามารถชี้ตัว "ผู้ร้าย" ให้สังคมเชื่อว่านักการเมืองชั่วเลวเป็นคนบงการ แล้วจะทำให้ประชาชนยอมรับระบอบการปกครองที่ปิดกั้นเสรีภาพ ไม่เป็นประชาธิปไตย ถอยหลังเข้าคลองไปอีก 50 ปี มันคนละ เรื่องกัน

พูดให้ถึงที่สุด ต่อให้คุณมีหลักฐานมัดแน่นว่าทักษิณเป็นคนทำ มันก็ไม่ได้ทำให้การเรียกร้องประชาธิปไตยเสียความชอบธรรม ไม่ได้ทำให้ประชาชนส่วนใหญ่เห็นว่า ถ้างั้นเราไม่ควรมีอำนาจผ่านการเลือกตั้ง อำนาจอธิปไตยไม่ควรเป็นของประชาชน 70 ล้านคน ยอมให้กองทัพและรัฐราชการคุ้มกะลาหัวไปอีก 5 ปี 10 ปีดีกว่า

สังคมไทยควรเติบใหญ่มีสติพอที่จะปรองดองกันได้ พร้อมกับเห็นต่างกันได้ ต่อสู้กันได้ ไม่ใช่บอกว่าเราประณามผู้ก่อเหตุร้าย สามัคคีร่วมใจกันสนับสนุนรัฐบาลให้คุ้มครองป้องภัยไล่ล่าหาตัวคนทำผิด แล้วจะต้องท่องคาถา "เลิกแตกแยกกัน" ยอมรับเชื่อฟังเพื่อให้บ้านเมืองสงบ เพราะถึงอย่างไรเราก็ต้องขัดแย้งเรื่องเสรีภาพเรื่องร่างรัฐธรรมนูญอยู่ดี

อ้าวก็ระเบิดไม่เห็นหยุดยั้งโรดแม็ปของกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญของสปช. กลายเป็นดีด้วยซ้ำ เพราะสังคมเบนความสนใจไม่วิพากษ์วิจารณ์ ทั้งที่ก่อนหน้านั้น ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์-พรรคเพื่อไทย เพิ่งชูธงคัดค้านอยู่หลัดๆ หรือถ้ามองฝ่ายรัฐบาล ท่านก็ยังเดินหน้าปรับครม. เอา "ก๊วนอุ๋ย" ออกไป "ก๊วนสมคิด" เข้ามา แต่รัฐมนตรีทหารยังอยู่ครบ

ตั้งสติให้ดีนะครับ ถ้ามีใครบอกว่าบ้านเมืองมีภัย อย่าขัดแย้งกันเลย สนับสนุนรัฐบาลแล้วยอมรับการปกครองที่ไม่เป็นประชาธิปไตยดีกว่า ก็อาจเข้าข่าย "หากำไรทางการเมืองจากระเบิด" ซึ่งแย่ไม่แพ้กัน

Inga kommentarer:

Skicka en kommentar