บทความสำหรับท่านที่คิดจะปรองดองกับกษัตริย์ภูมิพล กรุณาอ่านและศึกษาจากบทความนี้ก่อนท่านจะได้บทสรุปที่ชัดเจนเราขอเตือนมาด้วยความปรถนาดี
"กษัตริย์ไทยปัจจุบันกับการรัฐประหาร"
คำนำ
หลังการปฏิวัติประชาธิปไตยศักดินาเมื่อ 2475 แล้วได้มีการรัฐประหาร รัฐประหารเงียบ และการยุบรัฐสภากว่า 10 ครั้งตลอดช่วงเวลา 40 ปีมานื้ การรัฐประหารครั้งสำคัญๆนั้นกษัตริย์ไทยปัจจุบันมีส่วนเกี่ยวข้องอยู่ด้วยไม่มากก็น้อย ไม่โดยตรงก็โดยอ้อม
บทความนี้จะยกเอาการรัฐประหารที่สำคัญๆเพียงสามครั้งมาเสนอ คือ ( 1 ) การรัฐประหารโดยโค่นรัฐบาล แปลก เผ่า ผิน เมื่อ 2500 (2 ) การโค่นล้มรัฐบาลถนอม ประภาส ณรงค์ เมื่อ 2516 และ ( 3) การรัฐประหารโหดโค่นล้มรัฐบาลประชาธิปไตยเสนีย์ เมื่อ 2519
วัตถุประสงค์ในการเขียนบทความนี้ก็เพื่อชี้ให้เห็นบทบาทการเมืองของกษัตริย์ไทยปัจจุบัน เหตุผลที่กษัตริย์ต้องทำเช่นนั้น และในตอนท้ายจะชี้ให้เห็นทางเลือกในอนาคตของกษัตริย์วงค์จักรี
คลิกอ่านทั้งหมด-สำหรับท่านที่คิดจะปรองดองกับกษัตริย์ภูมิพล กรุณา...
กษัตริย์ต้นราชวงค์จักรีได้ขึ้นบัลลังค์ดว้ยการฆ่าตากสินมหาราช ผู้กอบกู้เอกราชจากพะม่าแล้วสถาปนาตนเองเป็นกษัตริย์ ตากสินมาจากสามัญชนเชื้อจีน
ก่อน ร 1 จะวางศิลาเลิกสร้างกรุงเทพได้ให้โหราจารย์หาฤกษ์ให้ โหรบอก 2 ฤกษ์ กษัตริย์เลือกเอาระหว่างความอยู่เย็นเป็นสุขของราษฎร แต่ราชวงค์จะสิ้นสุดภายไม่กี่องค์ หรือความยืนยาวของราชวงค์ถึง 9 กษัตริย์ แต่ราษฎรจะทุกข์ยากลำเค็ญ ร. 1 เลือกเอาประการหลัง
บัดนี้ก็ถึง ร. 9 ตามคำทำนายแล้ว
ดังที่ทราบกันดีในแง่ของปรัชญานั้น ชนชั้นกดขี่ขูดรีดเป็นพวกจิตนิยมอัตวิสัย ยิ่งพวกศักดินาด้วยแล้วก็ยิ่งสูงจัด พวกนี้เชื่อโชคเชื่อลางทำตามคำทำนายของหมอดูที่ตนเชื่อถือและมีหมอดูจำนวนหนึ่งหากินอยู่กับพวกนี้จนมั่งคั่งร่ำรวยในจำนวนนี้มีพระระดับสูงอยู่ด้วย
ก่อนที่จะชักนำเอาประภาสเข้ามา เมื่อ 17 สิงหาคม 2519 ครอบครัวกษัติย์ได้ไปให้พระหมอดูทำนายอนาคต พระบอกว่าถ้าจะให้มี ร. 10 ต่อไปแล้วกษัตริย์ต้องทำการอย่างใดอย่างหนึ่งทางการเมืองภายในเดือนสิงหาคมเป็นการเริ่มต้น หลังจากนั้นต้องฆ่าประชาชนทิ้งสัก 30,000 คน นั่นแหละจึงจะสัมฤทธิ์ผลเดือนที่มีโอกาสเหมาะทีสุดคือเดือน กันยายน-ตุลาคม ทั้งนี้ต้องมีขุนศึกรับอาสาจัดการให้
แล้วกษัตริย์ก็สมคบกับนายพลกลุ่มหนึ่งดำเนินไปตามนั้น
จากเหตุผลทางเศรษฐกิจ ทางวัฒนธรรมและคดีฆาตรกรรมพี่ชายทำให้กษัตริย์ภูมิพลจำต้องต่อสู้เพื่อรักษาบัลลังค์ของตนเอาไว้ให้นานที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเพื่อให้ลูกชายที่ไม่ฉลาดนักได้ขึ้นนั่งบัลลังค์สืบต่อไป แม้การสมรสของลูกชายกับญาติใกล้ชิดที่ฉลาดพอกันหรือน้อยกว่านั้นก็ทำไปตามคำทำนายของหมอดูที่ว่า ต้องจัดการกับประชาชนที่ต่อสู้เพื่อความเป็นธรรมในสังคมให้สำเร็จเสียก่อน
การรัฐประหารโหดเมื่อ 6 ตุลาคม 2519 นั้น ในทรรศนะของชนชั้นกดขี่ขูดรีดเช่นพวกศักดินาถือวได้กำจัดประชาชนผู้รักความเป็นธรรมได้แล้ว อนิจา เป็นการมองด้วยสายตาที่เหลืออยู่เพียงข้างเดียวจริงๆ
กษัตริย์ภูมิพลไม่มีทางเลือกอื่นใดเหลืออยู่อีกเลย นอกจากจะสู้ตายคาบัลลังค์เท่านั้น เขาได้ให้สัตยาบันนี้ไว้แล้วในบทเพลงที่แต่งขึ้นชื่อ “ เราสู้ “ ดังนี้
บรรพบุรุษของไทยแต่โบราณ ปกบ้านปกเมืองคุ้มเหย้า
เสียเลือดเสียเนื้อไม่เบา หน้าที่เรารักษาสืบไป
ลูกหลานเหลนโหลนภายหน้า จะได้พสุธาอาศัย
อนาคตจะต้องมีประเทศไทย มิให้ผู้ใดมาทำลาย
ถึงจะขู่ฆ่าล้างโคตร์ก็มิหวั่น จะสู้กันไม่หลบหนีหาย
สู้ที่นี่ สู้ตรงนี้ สู้จนตาย ถึงเป็นคนสุดท้ายก็ลองดู
บ้านเมืองของเราเราต้องรักษา อยากทำลายเชิญมาเราสู้
เกียรติศักดิ์ของเราเราเชิดชู เราสู้ไม่ถอยจนก้าวเดียว
จะมีเรื่องอะไรอีกไหมที่น่าสลดใจไปกว่านี้ คือการที่กษัตริย์ทุกคน ( แน่ละชนชั้นปกครองทุกชนชั้นด้วย ) ได้มีชีวิตอยู่อย่างหรูหรา โอ่อ่า ฟุ่มเฟือยมาจนบัดนี้ก็เพราะหยาดเหงื่อแรงงานและชีวิตเลือดเนื้อของประชาชนแท้ๆที่ได้สร้างสรรทุกสิ่งทุกอย่างขึ้นมา แต่ในสังคมที่มีการกดขี่ขูดรีดกันอย่างหนักเช่นสังคมไทยนี้ ลูกหลาน เหลน โหลนของประชาชนกลับมีชีวิตอยู่อย่างแร้นแค้นแสนสาหัสยิ่งขึ้นทุกที เมื่อเทียบกับลูกหลานของชนชั้นปกครอง แล้วการที่กษัตริย์ประกาศต่อสู้กับประชาชนผู้ทำงานอาบเหงื่อต่างน้ำ ซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศที่เลี้ยงดูกษัตริย์มาหลายชั่วโคตร์นั้น จะให้หมายความว่าอย่างไร นี่คือธาตุแท้ของกษัตริย์ฆาตกร
ประเทศต่างๆในโลกสมัยโบราณล้วนแต่เคยมีกษัตริย์ปกครองมาด้วยกันทั้งสิ้น บัดนี้ยังหลงเหลือกันอยู่ไม่กี่ประเทศ ดูเอาเถอะ บาบิโลน เมโสโปเตเมีย โรม กรีช อินเดีย อินโดเนเซีย ฟิลลิปปินส์ แน่ละ รัสเซีย จีนพะม่า เวียตนาม เขมร ลาว เป็นอาทิ ปัจจุบัน ราชินีอังกฤษ กษัตริย์ สวีเด็น จักรพรรดิ์ญี่ปุ่นเขาอยู่กันอย่างไร ที่ยังคงอยู่ได้ก็เพราะพวกเขายอมไปตามกงล้อประวัติศาสตร์ของมนุษย์ชาติแต่โดยดีแม้แต่อาร์คิมีดิส นักวิทยาศาสตร์ที่ฉลาดปราชญ์เปรื่อง ยังไม่สามารถหาที่ยืนนอกโลกเพื่องัดโลกให้เป็นไปตามความประสงค์ได้ กษัตริย์ภูมิพลซึ่งสืบพันธ์มาจากภายในแวดวงศักดินาหลายชั่วคนมาแล้วนั้นจะเป็นอาร์คิมีดิสคนที่สองที่ประสบความสำเร็จกระนั้นหรือ
วิญญาณนเรศวรที่ตายด้วยไข้ฝีดาษไป 300 ปี แล้วนั้น ยังจะกระฉับกระเฉงเข้มแข็งและกล้าหาญเหมือนตอนที่ยังมีชีวิตเป็นหนุ่มขี่ช้างตกมันออกไปรบกับพะม่าตัวต่อตัว แล้วฆ่าแม่ทัพพะม่าตามประวัติศาสตร์ที่พวกศักดินาเขียนขึ้นเองได้ละหรือ แล้ววิญญาณวีรชน 14 ตุลาคม 2516 และที่เพิ่งสดๆร้อนๆมาเมื่อ 6 ตุลาคม 2519 ตั้งหลายร้อยคนนั้นเล่าพวกเขาได้พลีชีพเพื่อเอกราชของชาติจากแอกของจักรวรรดิ์นิยมอเมริกา เพื่อประชาธิปไตยของประชาชน และเพื่อความเป็นธรรมของสังคมอย่างแท้จริงพวกเขาตายในสนามรบเมื่อยังเป็นหนุ่มสาวที่เข้มแข็งและกล้าหาญยิ่ง วิญญาณของพวกเขาไม่เคยปรากฏตัวให้ใครเห็น และไม่มีความจำเป็นใดๆที่ต้องเสกสรรปั้นแต่งเรื่องไร้สติเช่นนั้น เพราะวิญญาณแห่งการต่อสู้ของนักศึกษาและประชาชนที่ยังมีชีวิตอยู่นี่แหละที่เข้มแข็งและกล้าหาญยิ่งขึ้นเมื่อเห็นเพื่อนของเขาถูกฆ่าตายไปต่อหน้าต่อตา การยกเอาวิญญาณนเรศวรขึ้นมาอ้างสะท้อนให้เห็นความรู้สึกโดดเดี่ยวของกษัตริย์ในการต่อสู้และดูถูกเหยียดหยามแม่ทัพนายกองทั้งหลายว่า ติดตามตนไม่ทัน ไม่เอาการเอางาน ดีแต่คอยหวังแก่งแย่งแข่งขันกอบโกยผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจและทางการเมือง คือคอยเป็นหอกข้างแคร่ของบัลลังค์กษัตริย์นั้นเอง เป็นความรู้สึกที่ถูกต้องแล้ว
มาเถิดกษัตริย์ภูมิพล ท่านจะมัวขี่ช้างอยู่ใต้ต้นไม้ใบหนาท่ามกลางแม่ทัพนายกองอยู่ใยเล่า ไหนว่าจะสู้ไม่หลบหนี ไม่ถอยแม้แต่ก้าวเดียว แล้วทำไมต้องรอเป็นคนสุดท้ายด้วยเล่า จงขับช้างนำหน้าออกมาเถิด ท่านไม่มีทางเลือกอื่นใดเหลืออยู่อีกแล้ว ประวัติศาสตร์ของประชาชนจะจารึกชื่อของท่านไว้ให้ลูกหลานเหลนโหลนของเขาได้ศึกษากันในเวลาอันใกล้นี้แล้ว.
ญาติของ “ วีรชนตุลาคม “
Inga kommentarer:
Skicka en kommentar