ที่หน้าหอประชุมใหญ่ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มีการจัดกิจกรรม "ด้วยปีกแห่งเสรีภาพ" โดยมีนักศึกษาและประชาชน ไปร่วมให้กำลังใจนักศึกษา 14 คน ที่ยังถูกควบคุมตัวอยู่ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพ นักศึกษากลุ่มดังกล่าวยืนยันว่าพวกตนมีสิทธิในการแสดงออกทางการเมืองที่รับรองโดยรัฐธรรมนูญชั่วคราว ผู้ไปร่วมกิจกรรมที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้ร่วมกันพับนกกระดาษ วาดภาพ และบางคนได้เข้าไปทดลองอยูในคุกจำลองที่นักศึกษาจัดทำขึ้นด้วย
เตรียมคัดค้านการขอขยายเวลาฝากขังนักศึกษา 14 คน ทนายเผยลูกความขอร้องเจ้าหน้าที่อย่า “ไปเยี่ยม”ผู้ปกครอง ส่วน “ประยุทธ์” ย้ำต้องขึ้นศาลทหาร ปรามสื่อให้พื้นที่กับเรื่องนี้มากไป
ทนายนักศึกษาระบุ นักศึกษา 14 คนยืนยันกลุ่มตนไม่ผิดเพราะมีสิทธิในการแสดงออกทางการเมืองที่รับรองโดยรัฐธรรมนูญชั่วคราว ชี้จะต้องสู้กันในศาลเพื่อพิสูจน์ว่าศาลทหารมีอำนาจในการพิจารณาคดีหรือไม่
นายกฤษฎางค์ นุตจรัส ทนายความของนักศึกษา 14 คน เปิดเผยว่า วันนี้เจ้าหน้าที่ได้ไปสอบปากคำนักศึกษาจำนวน 13 คนที่เรือนจำ...พิเศษกรุงเทพเรียบร้อยแล้ว โดยใช้เวลาทั้งวัน ฝ่ายนักศึกษาทั้งหมดต่างยืนยันว่า สิ่งที่พวกเขาทำไม่ผิดกฎหมาย เป็นการใช้สิทธิตามมาตรา 4 ของรัฐธรรมนูญชั่วคราวที่รับรองสิทธิในการแสดงความคิดเห็นทางการเมือง
นอกจากนั้นยังเป็นสิทธิที่ได้รับการรับรองตามหลักสากลอันเป็นพันธะที่รัฐบาลไทยได้รับรองเอาไว้ กลุ่มนักศึกษาให้การว่า คำสั่งของ คสช.ไม่สามารถบังคับใช้กับพวกเขาได้ และด้วยเหตุดังนั้นพวกเขาจึงไม่ต้องขึ้นศาลทหาร นักศึกษายังต้องการให้ปากคำเพิ่มเติม จึงได้มีการนัดหมายกันอีกในวันที่ 14 ก.ค.
นายกฤษฎางค์เปิดเผยด้วยว่า นักศึกษาได้ฝากตนให้วิงวอนต่อผู้เกี่ยวข้องไม่ให้ส่งเจ้าหน้าที่ไปพบปะสอบถามในลักษณะของการคุกคามผู้ปกครอง เพราะทั้งกลุ่มพบปัญหาเดียวกันคือครอบครัวมีเจ้าหน้าที่ไปเยี่ยม บางคนเจ้าหน้าที่ไปถามไถ่ถึงพฤติกรรมและเลยไปถึงเรื่องของการอบรมเลี้ยงดูลูกที่ทำให้ต่อต้าน คสช.ก็มี
“เขาให้ผมช่วยวิงวอนว่า จะลงโทษเขา เขาก็จะต่อสู้ด้วยตัวเอง แต่ครอบครัวพ่อแม่ไม่เกี่ยวข้อง เขาได้ฝากให้ผมแถลงต่อศาลทหารด้วย เพราะว่านี่ถือว่าเป็นการขัดขวางกระบวนการยุติธรรม มันจะส่งผลต่อการทำงานของศาลทหาร”
ทนายความของกลุ่มนักศึกษากล่าวว่า เท่าที่ตนได้สอบถาม ค่อนข้างชัดเจนว่า พรุ่งนี้คือ 7 ก.ค.เจ้าหน้าที่จะไปยื่นคำร้องขอขยายเวลาการควบคุมตัวนักศึกษาทั้งกลุ่ม ซึ่งทางกลุ่มนักศึกษาก็ได้ขอให้ทีมทนายช่วยคัดค้านเนื่องจากเห็นว่าพวกตนไม่ได้ทำอะไรผิด ที่สำคัญไม่ได้มีพฤติกรรมที่จะหลบหนีแต่อย่างใดจึงไม่สมควรที่จะนำตัวไปฝากขังทั้งที่คดียังไม่ได้เริ่มต้น
นายกฤษฎางค์ย้ำว่า คดีนี้ไม่ควรจะขึ้นศาลทหารซึ่งเป็นศาลที่มีไว้เพื่อเจ้าหน้าที่ทหาร เพราะทหารมีวินัยมีระเบียบกฎเกณฑ์ต่างๆกำกับซึ่งแตกต่างจากพลเรือน ที่ต้องไปขึ้นศาลทหารเพราะ คสช.ออกคำสั่ง หากจะแก้ไข สิ่งที่ทำได้ไม่ยากนักก็คือยกเลิกคำสั่งของ คสช. โอนคดีไปให้ศาลพลเรือนพิจารณาแทน
อีกด้านหนึ่งนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวเรื่องของกลุ่มนักศึกษาที่ถูกดำเนินคดีว่าจะต้องขึ้นศาลทหารเช่นเดียวกันกับกลุ่มคนที่ถูกกล่าวหาตามมาตรา 112 หรือคนที่ขัดคำสั่ง คสช. พร้อมกับยืนยันกับผู้สื่อข่าวว่า คำสั่งของ คสช.ถือเป็นกฎหมาย
ในที่แถลงข่าวนายกรัฐมนตรียังเตือนสื่อให้เลิกซักถามเรื่องของนักศึกษา รายงานข่าวระบุว่า นายกรัฐมนตรีมีอาการอารมณ์เสียเมื่อถูกซักในเรื่องนี้และได้ย้อนถามสื่อเหตุใดจึงต้องให้พื้นที่ข่าวกับเรื่องนี้ทุกวัน
นายกฤษฎางค์เปิดเผยด้วยว่า นักศึกษาได้ฝากตนให้วิงวอนต่อผู้เกี่ยวข้องไม่ให้ส่งเจ้าหน้าที่ไปพบปะสอบถามในลักษณะของการคุกคามผู้ปกครอง เพราะทั้งกลุ่มพบปัญหาเดียวกันคือครอบครัวมีเจ้าหน้าที่ไปเยี่ยม บางคนเจ้าหน้าที่ไปถามไถ่ถึงพฤติกรรมและเลยไปถึงเรื่องของการอบรมเลี้ยงดูลูกที่ทำให้ต่อต้าน คสช.ก็มี
“เขาให้ผมช่วยวิงวอนว่า จะลงโทษเขา เขาก็จะต่อสู้ด้วยตัวเอง แต่ครอบครัวพ่อแม่ไม่เกี่ยวข้อง เขาได้ฝากให้ผมแถลงต่อศาลทหารด้วย เพราะว่านี่ถือว่าเป็นการขัดขวางกระบวนการยุติธรรม มันจะส่งผลต่อการทำงานของศาลทหาร”
ทนายความของกลุ่มนักศึกษากล่าวว่า เท่าที่ตนได้สอบถาม ค่อนข้างชัดเจนว่า พรุ่งนี้คือ 7 ก.ค.เจ้าหน้าที่จะไปยื่นคำร้องขอขยายเวลาการควบคุมตัวนักศึกษาทั้งกลุ่ม ซึ่งทางกลุ่มนักศึกษาก็ได้ขอให้ทีมทนายช่วยคัดค้านเนื่องจากเห็นว่าพวกตนไม่ได้ทำอะไรผิด ที่สำคัญไม่ได้มีพฤติกรรมที่จะหลบหนีแต่อย่างใดจึงไม่สมควรที่จะนำตัวไปฝากขังทั้งที่คดียังไม่ได้เริ่มต้น
นายกฤษฎางค์ย้ำว่า คดีนี้ไม่ควรจะขึ้นศาลทหารซึ่งเป็นศาลที่มีไว้เพื่อเจ้าหน้าที่ทหาร เพราะทหารมีวินัยมีระเบียบกฎเกณฑ์ต่างๆกำกับซึ่งแตกต่างจากพลเรือน ที่ต้องไปขึ้นศาลทหารเพราะ คสช.ออกคำสั่ง หากจะแก้ไข สิ่งที่ทำได้ไม่ยากนักก็คือยกเลิกคำสั่งของ คสช. โอนคดีไปให้ศาลพลเรือนพิจารณาแทน
อีกด้านหนึ่งนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวเรื่องของกลุ่มนักศึกษาที่ถูกดำเนินคดีว่าจะต้องขึ้นศาลทหารเช่นเดียวกันกับกลุ่มคนที่ถูกกล่าวหาตามมาตรา 112 หรือคนที่ขัดคำสั่ง คสช. พร้อมกับยืนยันกับผู้สื่อข่าวว่า คำสั่งของ คสช.ถือเป็นกฎหมาย
ในที่แถลงข่าวนายกรัฐมนตรียังเตือนสื่อให้เลิกซักถามเรื่องของนักศึกษา รายงานข่าวระบุว่า นายกรัฐมนตรีมีอาการอารมณ์เสียเมื่อถูกซักในเรื่องนี้และได้ย้อนถามสื่อเหตุใดจึงต้องให้พื้นที่ข่าวกับเรื่องนี้ทุกวัน
คลิก-ดูเพิ่มเติม
Inga kommentarer:
Skicka en kommentar