torsdag 5 mars 2015

เหยื่อคนสุดท้าย....ของกษัตริ์ภูมิพล . จริงหรือ? คอยดูต่อไป ไม่มีใครตอบคำถามนี้ได้นอกจาก พลเอก ประยุทธิ์ จันทร์โอชา ..คนเดียวเท่านั้นที่จะตอบได้...

พลเอก ประยุทธิ์ จันทร์โอชา เหยื่อคนสุดท้ายของแผนเสร็จนาฆ่าโคถึก เสร็จศึกฆ่าขุนพล ของกษัตริ์ภูมิพล

by... ออกญา เพชรบุรี

กษัตริย์ภูมิพลเป็นคนที่ฉลาดและเจ้าเล่ห์อย่างร้ายกาจ รู้วิธีหลอกใช้คน และชิงลงมือก่อนกับคนที่เห็นว่าจะเป็นอันตรายกับตน
แผนเสร็จนาฆ่าโคถึก เสร็จศึกฆ่าขุนพล ถูกกษัตริย์ภูมิพลใช้มาตลอดตั้งแต่ขึ้นครองราชย์จนมาถึงปลายรัชกาล
เหยื่อคนแรกที่ถูกกำจัดหลังเสร็จศึกคือ จอมพล ป.พิบูลสงคราม ที่เป็นเครื่องมือให้กับกษัตริย์ภูมิพลในการ กำจัดนายปรีดี พนมยงค์ แกนนำคนสำคัญของคณะราษฎร ที่โค่นล้มระบอบสมบูรณาญาสิทธิราช ซึ่งภูมิพลถือว่าเป็นศตรูกับราชวงศ์จักรี
เมื่อกำจัดนายปรีดี พนมยงค์ ได้สำเร็จ กษัตริย์ภูมิพลก็สนับสนุนจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ให้ยึดอำนาจจากจอมพล ป.พิบูลสงคราม ทำให้จอมพล ป.พิบูลสงคราม ต้องลี้ภัยและไปเสียชีวิตในต่างประเทศ
จากนั้นเมื่อจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ มีอำนาจมาก ทำให้กษัตริย์ภูมิพลหวั่นเกรงว่าจะชิงอำนาจจากตน จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ จึงถูกวางยาพิษเสียชีวิตอย่างมีเงื่อนงำ และจอมพลถนอม กิติขจร ที่ขึ้นครองอำนาจต่อมา ก็ถูกกษัตริย์ภูมิพลใช้ให้ยึดทรัพย์จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ แบบตัดรากถอนโคน
ต่อมาเมื่อจอมพลถนอม กิตติขจร จอมพลประภาส จารุเสถียร และ พอ.ณรงค์ กิตติขจร มีอำนาจล้นประเทศ ควบคุมอำนาจอย่างเบ็ดเสร็จ จนกษัตริย์ภูมิพลหวั่นเกรงอีกว่าจะโค่นล้มตน เพราะมีข่าวว่า พอ.ณรงค์ กิติขจร เมาสุราแล้วเผลอพูดว่าจะเป็นประธานาธิบดีคนแรกของประเทศไทย
แต่แผนกำจัดสองจอมพลหนึ่งพันเอก ทำได้ยาก จะใช้แผนวางยาพิษเหมือนเดิม ทางสองจอมพลหนึ่งพันเอก ก็มีความระมัดระวังตัวอย่างสูง จะใช้กองทัพก็ไม่ได้เพราะสองจอมพลคุมอำนาจอยู่
ดังนั้นแผน 14 ตุลาคม 2516 อาศัยพลังนักศึกษาโค่นล้มสองจอมพลและหนึ่งพันเอกจึงเกิดขึ้น และกษัตริย์ภูมิพลก็ทำสำเร็จ จนสามารถขุดรากถอนโคน ตระกูลกิตติขจร และจารุเสฐียร ด้วยการยึดทรัพย์
จากนั้นนักศึกษาและประชาชน ที่เป็นวีรบุรุษอยู่ในช่วงสั้นๆ ก็ถูกกำจัด กลายเป็นโคถึกที่ถูกฆ่าหลังเสร็จนาในวันที่ 6 ตุลาคม ปี 2519 ทำให้กษัตริย์ภูมิพลนั่งครองบัลลังก์อย่างปลอดภัย
ต่อมากษัติย์ภูมิพลก็หลอกใช้กลุ่มนายทหาร จปร.รุ่น 5 ปราบปรามกลุ่ม จปร.รุ่น 7 ในเหตุการณ์ยึดอำนาจ เมษาฮาวาย ปี 2524 และต่อมากษัตริย์ภูมิพลก็หลอกใช้ กลุ่มนายทหาร จปร.รุ่น 7 ให้ปราบ กลุ่มนายทหาร จปร.5 ที่เริ่มจะมีอำนาจมาก ในเหตุการณ์เดือนพฤษภาทมิฬ ปี 2535
เป็นอันจบยุคทหารที่จะยึดอำนาจจากกษัตริย์ ทำให้กษัตริย์ภูมิพลครองบัลลังก์อย่างปลอดโปร่งอีกครั้งหนึ่ง
จนเมื่อโลกพัฒนาเข้าสู่ยุคทุนโลกาภิวัตน์ โดยการเกิดขึ้นของพรรคไทยรักไทย และพตท.ทักษิณ ชินวัตร ทำให้กษัตริย์รู้สึกไม่ปลอดภัยอีกครั้ง ดังนั้นกษัตริย์ภูมิพลจึงชิงลงมือก่อน อย่างที่เคยทำมาและสำเร็จมาโดยตลอด เช่นการวางระเบิดเครื่องบินลำที่ พตท.ทักษิณ ชินวัตร จะใช้เดินทางไปจังหวัดน่าน รวมทั้งแผนการลอบยิงด้วยสไนท์เปอร์ 5 ครั้ง และแผนวางระเบิดขบวนรถของ พตท.ทักษิณ ชินวัตร ที่บางพลัด ก็เป็นฝีมือของทีมงานกษัตริย์ภูมิพลทั้งสิ้น แต่แผนจากคนคำนวณหรือจะสู้ฟ้าลิขิต ทำให้ พตท.ทักษิณ ชินวัตร รอดตายมาได้อย่างโชคช่วยทุกครั้ง
เมื่อแผนลอบสังหารไม่สำเร็จ แผนใช้มวลชนกดดันสร้างความปั่นป่วน โดยนายสนธิ ลิ้มทองกุล จึงเกิดขึ้น จนเมื่อสร้างความปั่นป่วนได้เต็มที่แล้ว ขุนพลที่ชื่อ พลเอกสนธิ บุญยรัตกลิน ก็ถูกกษัตริย์ภูมิพลหลอกใช้ให้ออกศึก ด้วยการยึดอำนาจจากรัฐบาลพตท.ทักษิณ ชินวัตร ได้สำเร็จในวันที่ 19 กันยายน ปี 2549 ต่อมาเมื่อ พลเอกสนธิ บุญยรัตกลิน เกษียณอายุราชการหมดประโยชน์ในการใช้สอย พลเอกสนธิ ก็ต้องกลายเป็นขุนพลที่ถูกทอดทิ้ง และเป็นหมาหัวเน่าอยู่จนทุกวันนี้
และถึงแม้ว่ากษัตริย์ภูมิพลจะหลอกใช้ พลเอกสนธิ บุญยรัตกลิน ยึดอำนาจได้สำเร็จ แต่ก็ไม่สามารถขุดรากถอนโคน พตท.ทักษิณ ชินวัตรได้ ทำให้กษัตริย์ภูมิพลต้องมองหาขุนพลคนใหม่เพื่อหลอกใช้งานอีกครั้งหนึ่ง และขุนพลคนใหม่ที่กำลังสดอยู่ในขณะนี้ก็คือ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา และมันกำลังจะซ้ำรอยอดีตขุนพลทั้งหลาย ที่ถูกกษัตริย์ภูมิพลหลอกใช้และและฆ่าหลังเสร็จศึก พลเอกประยุทธิ์ จันทร์โอชา คงจะเป็นขุนพลคนสุดท้าย ที่กษัตริย์ภูมิพลหลอกใช้ เพราะกษัตริย์ภูมิพลคงไม่มีอายุยืนยาวให้หลอกใครได้อีกแล้ว
ดังนั้นเพื่อไม่ให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอย ขุนพลคนอื่นๆที่ผ่านมา พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา จะต้องรู้ว่าตนถูกหลอกใช้ให้โค่นล้มใครในครั้งนี้ พตท.ทักษิณ ชินวัตร หรือ สมเด็จพระบรมฯ ซึ่งแท้ที่จริงแล้วพตท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นเพียงเป้าหมายรอง แต่พระบรมฯ ลูกชายของกษัตริย์ภูมิพลเอง เป็นเป้าหมายหลักที่จะโค่นล้ม แต่กษัตริย์ภูมิพลไม่กล้าปลดลูกชายของตนเอง แต่หลอกใช้ให้พลเอกประยุทธิ์ ยึดอำนาจแทน
จากแผนสร้างความปั่นป่วนทั่วประเทศเพื่อใช้เป็นเงื่อนไข ให้พลเอกประยุทธิ์ ยึดอำนาจ พลเอกประยุทธิ์ จึงไม่ควรยอมให้กษัตริย์เฒ่าเจ้าเลห์ใช้เป็นเครื่องมือแล้วถูกกำจัดทิ้งเหมือนขุนพลคนอื่นๆในอดีต

ดังนั้น พลเอกประยุทธิ์ ควรจะกระทำการดังต่อไปนี้ คือ .-
1.พลเอกประยุทธิ์ ต้องเป็นนายกรัฐมนตรีเอง และต้องควบตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบกด้วย อย่ายอมให้กษัตริย์ภูมิพลตั้งคนอื่นเหมือนคราวก่อนที่หลอกใช้พลเอกสนธิ บุญยรัตกลิน ยึดอำนาจแล้วให้ พลเอกสุรยุทธิ์ จุลานนท์ มาเป็นนายก
2.พลเอกประยุทธิ์ จะต้องต่ออายุราชการในตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบกต่อไป จนกว่าพลโทปรีชา จันทร์โอชา น้องชายจะก้าวขึ้นมาเป็น ผู้บัญชาการทหารบก แล้วจึงขยับตัวเองขึ้นไปเป็น ผู้บัญชาการทหารสูงสุด
3. การเลือกตั้ง สส.และ สว. ต้องเว้นวรรคสัก 5 ปี โดยตั้งสภา คสช.แทน และพลเอกประยุทธิ์ ก็ควบทั้งตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และประธาน คสช.คนเดียวเสียเลย ทั้งนี้เพื่อมีอำนาจเบ็ดเสร็จ
4. พลเอกประยุทธิ์ ต้องต่อรองกับกษัตริย์ภูมิพลขอติดยศเป็น จอมพลป. จันทร์โอชา เพื่อเพิ่มบารมี
5. ธรรมนูญการปกครองที่จะร่างขึ้นมาใช้ ควรมีมาตรา 17 เหมือนสมัยจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ จะได้มีอำนาจเด็จขาดในการตัดสินคดีได้สะใจพวกซาดิสต์
ขอให้ ฯพณฯท่าน จอมพล ป. จันทร์โอชา จงทรงพระเจริญ

Inga kommentarer:

Skicka en kommentar