เก็บภาษีโรงเรียนกวดวิชา : หลงทิศผิดทางแล้ว
"การเก็บภาษีโรงเรียนกวดวิชาอย่างที่จะทำกันนี้เป็นการหลงทิศผิดทาง นอกจากจะเป็นการบั่นทอนโรงเรียนกวดวิชาแล้วยังจะเป็นการเพิ่มภาระทำให้ผู้เรียนต้องเสียค่าใช้จ่ายสูงขึ้น.... โดยไม่ได้แก้ปัญหาที่แท้จริงของระบบการศึกษาแต่อย่างใด”
เมื่อวันที่ 10 มีนาคมที่ผ่านมา ครม.เห็นชอบให้เก็บภาษีเงินได้นิติบุคคลโรงเรียนเอกชนร้อยละ 20 ตามที่กระทรวงการคลังและกระทรวงศึกษาธิการเสนอ โดยเห็นว่าเป็นการประกอบกิจการพาณิชย์เพื่อหากำไร จะมีโรงเรียนกวดวิชาที่จะถูกเก็บภาษีทั้งหมด 2379 โรงเรียนทั่วประเทศ โดยเป็นโรงเรียนในกรุงเทพฯ 549 โรง และที่เหลือกระจายอยู่ในต่างจังหวัด
มีความเห็นที่ต่างกันอยู่พอสมควรในเรื่องนี้ บางคนอาจรู้สึกสะใจเพราะเห็นว่าโรงเรียนเอกชนหลายแห่งรายได้ดีก็มี หรือเห็นว่าสมควรแล้วเพราะไม่อยากเห็นการกวดวิชามากๆอย่างที่เป็นอยู่ก็มี ขณะเดียวกันก็มีความเห็นต่างว่าจะทำให้มีการผลักภาระไปให้ผู้เรียนและจะยิ่งทำให้ผู้ที่ฐานะทางการเงินไม่ดียิ่งไม่มีโอกาส รวมทั้งที่เห็นว่าเป็นการแก้ปัญหาไม่ตรงจุดก็มี
ปัจจุบันโรงเรียนกวดวิชาไม่ต้องเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลเช่นเดียวกับโรงเรียนเอกชนทั่วประเทศก็ไม่ต้องเสียภาษี เมื่อมีนโยบายเช่นนี้ออกมาก็จะกลายเป็นว่ามีแต่โรงเรียนกวดวิชาที่เสียภาษีเงินได้นิติบุคคลซึ่งสูงถึงร้อยละ 20
การที่ไม่มีการเก็บภาษีโรงเรียนเอกชนก็เพราะรัฐต้องการส่งเสริมการศึกษาที่จัดโดยเอกชนซึ่งมีบุคลากรและทรัพยากรที่มีคุณค่าอยู่ไม่น้อยและมีนักเรียนถึงร้อยละเกือบ 20 ที่เรียนอยู่ในโรงเรียนเอกชน นอกจากไม่เก็บภาษีแล้วรัฐยังได้ให้การสนับสนุนการศึกษาเอกชนในรูปของการอุดหนุนรายหัวไปที่ผู้เรียนและการพัฒนาคุณภาพการศึกษาในบางด้่าน ทิศทางที่ควรจะเป็นในเรื่องนี้คือการให้การสนับสนุนการศึกษาเอกชนให้มากขึ้นและยังควรส่งเสริมให้โรงเรียนเอกชนมีนักเรียนเป็นสัดส่วนที่สูงขึ้นด้วย
แล้วควรทำอย่างไรกับโรงเรียนกวดวิชา?
โรงเรียนกวดวิชา(ในความหมายว่าเป็นโรงเรียนที่สอนเพิ่มเติมให้นักเรียนในระบบไปเรียนในเนื้อหาที่อิงอยู่กับหลักสูตร ไม่รวมถึงที่สอนวิชาพิเศษต่างๆเช่นโรงเรียนสอนภาษาต่างประเทศ) มีส่วนช่วยให้เด็กสอบได้ดีขึ้น โดยเฉพาะการสอบเข้ามหาวิทยาลัยนั้นต้องยอมรับว่าโรงเรียกวดวิชามีบทบาทอย่างมากจนเป็นที่นิยมอย่างกว้างขวาง นอกจากนี้เด็กที่ต้องการเรียนดียิ่งขึ้นหรือเรียนอ่อนแล้วต้องการเรียนดีขึ้นก็ยังนิยมไปเรียนกันซึ่งก็เท่ากับทำให้ผู้เรียนได้ความรู้มากขึ้น
โรงเรียนกวดวิชาจึงเป็นประโยชน์ไม่ใช่เป็นโทษต่อการศึกษาหรือต่อนักเรียนทั้งหลาย ดังนั้นรัฐจึงควรที่จะส่งเสริมสนับสนุนโรงเรียนกวดวิชามากกว่าที่จะหาทางขัดขวางหรือบั่นทอนการทำงานของโรงเรียนกวดวิชา
การเก็บภาษีโรงเรียนกวดวิชาอย่างที่จะทำกันนี้เป็นการหลงทิศผิดทาง นอกจากจะเป็นการบั่นทอนโรงเรียนกวดวิชาแล้วยังจะเป็นการเพิ่มภาระทำให้ผู้เรียนต้องเสียค่าใช้จ่ายสูงขึ้นและทำให้ผู้มีฐานะทางเศรษกิจไม่ดียิ่งไม่มีโอกาสไปเรียนกวดวิชาและยิ่งเสียเปรียบในการแข่งขันมากขึ้น โดยไม่ได้แก้ปัญหาที่แท้จริงของระบบการศึกษาที่ทำให้เด็กต้องไปกวดวิชากันอย่างเป็นบ้าเป็นหลังแต่อย่างใด
ที่ว่านี้หมายความว่าการมีเด็กมากมายเหลือเกินที่ต้องอาศัยโรงเรียนกวดวิชาก็เป็นปัญหาที่จะต้องแก้ แต่ต้องแก้ให้ถูกจุด
ต้องตั้งคำถามว่าทำไมเด็กจำนวนมากรู้สึกว่าต้องไปเรียนกวดวิชาเท่านั้นจึงจะไปสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ คำตอบก็คือถ้าไม่เรียนกวดวิชาก็มักสอบไม่ได้เพราะโรงเรียนกวดวิชาสอนในเรื่องที่จะเอาไปสอบได้ในขณะที่โรงเรียนส่วนใหญ่ไม่ได้สอน และโรงเรียนกวดวิชาหลายแห่งก็มักมีครูที่มีความสามารถในการสอนให้เด็กทำข้อสอบได้ดีอยู่มากด้วย
"การเก็บภาษีโรงเรียนกวดวิชาอย่างที่จะทำกันนี้เป็นการหลงทิศผิดทาง นอกจากจะเป็นการบั่นทอนโรงเรียนกวดวิชาแล้วยังจะเป็นการเพิ่มภาระทำให้ผู้เรียนต้องเสียค่าใช้จ่ายสูงขึ้น.... โดยไม่ได้แก้ปัญหาที่แท้จริงของระบบการศึกษาแต่อย่างใด”
เมื่อวันที่ 10 มีนาคมที่ผ่านมา ครม.เห็นชอบให้เก็บภาษีเงินได้นิติบุคคลโรงเรียนเอกชนร้อยละ 20 ตามที่กระทรวงการคลังและกระทรวงศึกษาธิการเสนอ โดยเห็นว่าเป็นการประกอบกิจการพาณิชย์เพื่อหากำไร จะมีโรงเรียนกวดวิชาที่จะถูกเก็บภาษีทั้งหมด 2379 โรงเรียนทั่วประเทศ โดยเป็นโรงเรียนในกรุงเทพฯ 549 โรง และที่เหลือกระจายอยู่ในต่างจังหวัด
มีความเห็นที่ต่างกันอยู่พอสมควรในเรื่องนี้ บางคนอาจรู้สึกสะใจเพราะเห็นว่าโรงเรียนเอกชนหลายแห่งรายได้ดีก็มี หรือเห็นว่าสมควรแล้วเพราะไม่อยากเห็นการกวดวิชามากๆอย่างที่เป็นอยู่ก็มี ขณะเดียวกันก็มีความเห็นต่างว่าจะทำให้มีการผลักภาระไปให้ผู้เรียนและจะยิ่งทำให้ผู้ที่ฐานะทางการเงินไม่ดียิ่งไม่มีโอกาส รวมทั้งที่เห็นว่าเป็นการแก้ปัญหาไม่ตรงจุดก็มี
ปัจจุบันโรงเรียนกวดวิชาไม่ต้องเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลเช่นเดียวกับโรงเรียนเอกชนทั่วประเทศก็ไม่ต้องเสียภาษี เมื่อมีนโยบายเช่นนี้ออกมาก็จะกลายเป็นว่ามีแต่โรงเรียนกวดวิชาที่เสียภาษีเงินได้นิติบุคคลซึ่งสูงถึงร้อยละ 20
การที่ไม่มีการเก็บภาษีโรงเรียนเอกชนก็เพราะรัฐต้องการส่งเสริมการศึกษาที่จัดโดยเอกชนซึ่งมีบุคลากรและทรัพยากรที่มีคุณค่าอยู่ไม่น้อยและมีนักเรียนถึงร้อยละเกือบ 20 ที่เรียนอยู่ในโรงเรียนเอกชน นอกจากไม่เก็บภาษีแล้วรัฐยังได้ให้การสนับสนุนการศึกษาเอกชนในรูปของการอุดหนุนรายหัวไปที่ผู้เรียนและการพัฒนาคุณภาพการศึกษาในบางด้่าน ทิศทางที่ควรจะเป็นในเรื่องนี้คือการให้การสนับสนุนการศึกษาเอกชนให้มากขึ้นและยังควรส่งเสริมให้โรงเรียนเอกชนมีนักเรียนเป็นสัดส่วนที่สูงขึ้นด้วย
แล้วควรทำอย่างไรกับโรงเรียนกวดวิชา?
โรงเรียนกวดวิชา(ในความหมายว่าเป็นโรงเรียนที่สอนเพิ่มเติมให้นักเรียนในระบบไปเรียนในเนื้อหาที่อิงอยู่กับหลักสูตร ไม่รวมถึงที่สอนวิชาพิเศษต่างๆเช่นโรงเรียนสอนภาษาต่างประเทศ) มีส่วนช่วยให้เด็กสอบได้ดีขึ้น โดยเฉพาะการสอบเข้ามหาวิทยาลัยนั้นต้องยอมรับว่าโรงเรียกวดวิชามีบทบาทอย่างมากจนเป็นที่นิยมอย่างกว้างขวาง นอกจากนี้เด็กที่ต้องการเรียนดียิ่งขึ้นหรือเรียนอ่อนแล้วต้องการเรียนดีขึ้นก็ยังนิยมไปเรียนกันซึ่งก็เท่ากับทำให้ผู้เรียนได้ความรู้มากขึ้น
โรงเรียนกวดวิชาจึงเป็นประโยชน์ไม่ใช่เป็นโทษต่อการศึกษาหรือต่อนักเรียนทั้งหลาย ดังนั้นรัฐจึงควรที่จะส่งเสริมสนับสนุนโรงเรียนกวดวิชามากกว่าที่จะหาทางขัดขวางหรือบั่นทอนการทำงานของโรงเรียนกวดวิชา
การเก็บภาษีโรงเรียนกวดวิชาอย่างที่จะทำกันนี้เป็นการหลงทิศผิดทาง นอกจากจะเป็นการบั่นทอนโรงเรียนกวดวิชาแล้วยังจะเป็นการเพิ่มภาระทำให้ผู้เรียนต้องเสียค่าใช้จ่ายสูงขึ้นและทำให้ผู้มีฐานะทางเศรษกิจไม่ดียิ่งไม่มีโอกาสไปเรียนกวดวิชาและยิ่งเสียเปรียบในการแข่งขันมากขึ้น โดยไม่ได้แก้ปัญหาที่แท้จริงของระบบการศึกษาที่ทำให้เด็กต้องไปกวดวิชากันอย่างเป็นบ้าเป็นหลังแต่อย่างใด
ที่ว่านี้หมายความว่าการมีเด็กมากมายเหลือเกินที่ต้องอาศัยโรงเรียนกวดวิชาก็เป็นปัญหาที่จะต้องแก้ แต่ต้องแก้ให้ถูกจุด
ต้องตั้งคำถามว่าทำไมเด็กจำนวนมากรู้สึกว่าต้องไปเรียนกวดวิชาเท่านั้นจึงจะไปสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ คำตอบก็คือถ้าไม่เรียนกวดวิชาก็มักสอบไม่ได้เพราะโรงเรียนกวดวิชาสอนในเรื่องที่จะเอาไปสอบได้ในขณะที่โรงเรียนส่วนใหญ่ไม่ได้สอน และโรงเรียนกวดวิชาหลายแห่งก็มักมีครูที่มีความสามารถในการสอนให้เด็กทำข้อสอบได้ดีอยู่มากด้วย
Inga kommentarer:
Skicka en kommentar