torsdag 19 mars 2015

‎อย่าซ้ำรอยสามจังหวัดภาคใต้...3จังหวัดภาคใต้‬ ...‪‎กระบวนการยุติธรรม‬

อย่าซ้ำรอยสามจังหวัดภาคใต้...

'อย่าซ้ำรอยสามจังหวัดภาคใต้

เห็นข่าวการจับกุม คุมตัวแบบลับแล้วส่งต่อให้พนักงานสอบสวนซึ่งกำลังเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันอยู่ในขณะนี้แล้ว ทำให้ผมนึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในสามจังหวัดภาคใต้ขึ้นมาทันที

เคยมีการหารือกันในหลายเวทีเกี่ยวกับการแก้ปัญหาความไม่สงบในสามจังหวัดภาคใต้แล้วมีข้อสรุปว่า หากต้องการจะแก้ปัญหาให้ได้ ปัจจัยสำคัญอย่างหนึ่งคือ จะต้องทำให้เกิดความไว้วางใจและความยุติธรรมขึ้นโดยจะต้องทำให้กระบวนการสืบสวน สอบสวนและการดำเนินคดีเป็นไปอย่างถูกต้องเป็นธรรม

การจับกุม ควบคุมตัวแบบลับที่อาจเกิดการซ้อมทรมานก่อนการสอบสวนโดยพนักงานสอบสวน ทำให้การดำเนินคดีทั้งกระบวนไม่น่าเชื่อถือว่า จะเป็นไปด้วยความยุติธรรม ทำให้เกิดความโกรธแค้น ชิงชังและต่างฝ่ายต่างไม่หวังพึ่งกระบวนการยุติธรรม นำไปสู่ความไม่สงบอย่างต่อเนื่อง

น่าเสียดายที่แม้ว่า จะมีข้อสรุปทำนองนี้ครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ปัญหานี้กลับไม่ได้รับการแก้ไขอย่างจริงจัง ทำให้นับวันปัญหาความไม่สงบในสามจังหวัดภาคใต้ก็ยิ่งหนักหนาสาหัสมากขึ้นเรื่อยๆจนกระทั่งทุกวันนี้

ที่น่าเสียดายและน่าห่วงใยอย่างยิ่งก็คือ ไม่เพียงแต่ไม่มีความตระหนักต่อความเสียหายที่เกิดจากปัญหาสามจังหวัดภาคใต้ แต่ขณะนี้กลับมาทำซ้ำรอยในการจัดการกับปัญหาในจังหวัดอื่นๆรวมทั้งกรุงเทพฯ

ราวกับว่า ผู้มีอำนาจกำลังต้องการทำในสิ่งที่เคยเกิดและล้มเหลวในสามจังหวัดภาคใต้มาแล้ว

จะต่างกันอยู่บ้างอย่างประหลาดก็คือ คดีเกี่ยวกับความมั่นคงที่เกิดขึ้นในสามจังหวัดภาคใต้ไม่ต้องขึ้นศาลทหารซึ่งถูกต้องแล้ว แต่คดีที่เกิดนอกสามจังหวัดภาคใต้กลับต้องขึ้นศาลทหารและขึ้นศาลเดียว

การจับกุม คุมตัวผู้ต้องสงสัยแบบลับโดยไม่มีใครทราบว่า ไปขังไว้ที่ไหน ไม่แจ้งญาติ ไม่ให้พบทนายความนานถึง 7 วัน แล้วส่งต่อให้พนักงานสอบสวนอย่างที่กำลังทำกันอยู่นี้ทำให้กระบวนการสอนสวนขาดความน่าเชื่อถือไปอย่างมาก

ไม่มีใครรู้ว่า มีการซ้อมผู้ต้องหาหรือไม่ มีการข่มขู่ บังคับให้รับสารภาพหรือซัดทอดอย่างมีเงื่อนไขหรือไม่ ทำให้สงสัยได้ว่า ผู้ที่ถูกดำเนินคดีทั้งหลายเป็นผู้กระทำความผิดจริงหรือไม่

ถ้าผู้ที่ถูกลงโทษไม่ใช่ผู้กระทำผิดจริง ก็หมายความว่า ผู้กระทำผิดจริงยังลอยนวลอยู่และอาจจะกระทำผิดและสร้างความเสียหายแก่บ้านเมืองอีกก็ได้

ส่วนผู้ที่ถูกลงโทษทั้งๆที่ไม่ได้กระทำความผิด ก็ย่อมรู้สึกโกรธแค้นและไม่เชื่อถือในกระบวนการยุติธรรม รวมทั้งอาจหันเหไปจากการแก้ปัญหาโดยสันติวิธีก็ได้ด้วย

นอกจากนี้ ที่หลายฝ่ายเป็นห่วงกันมากก็คือ เมื่อเอาการจับกุม คุมตัวแบบลับมาผสมกับการสอบสวนดำเนินคดี อาจทำให้การดำเนินคดีมีลักษณะที่เกิดจากความมุ่งหมายทางการเมือง เช่น เพื่อการทำลายเครดิต ภาพพจน์ทางการเมืองของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งได้

กลายเป็นปัญหาทั้งขาดยุติธรรมและไม่มีความไว้วางใจซึ่งกันและกัน

วิกฤตของประเทศที่เกิดขึ้นต่อเนื่องกันมาในหลายปีมานี้ มีสาเหตุสำคัญอย่างหนึ่งมาจากการบังคับใช้กฎหมายอย่างไม่เป็นธรรม ทำให้มีคนจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆขาดความเชื่อถือในกระบวนการยุติธรรม

การจับกุมคุมตัวแบบลับแล้วส่งตัวให้พนักงานสอบสวนนี้
เป็นวิธีการที่ผิดและได้สร้างความเสียหายอย่างมากมาแล้วในสามจังหวัดภาคใต้ เมื่อเอามาใช้ในขอบเขตทั่วประเทศ ย่อมมีแต่จะทำให้วิกฤตของประเทศยิ่งหนักหน่วงรุนแรงยิ่งขึ้นอย่างไม่ต้องสงสัย

ที่กำลังทำกันอยู่ในเวลานี้จึงควรที่จะต้องทบทวนแก้ไขเสียโดยด่วน

--------------
#3จังหวัดภาคใต้ #กระบวนการยุติธรรม #19มีนาคม2558'

โดย  จาตุรนต์  ฉายแสง
19มีนาคม2558

เห็นข่าวการจับกุม คุมตัวแบบลับแล้วส่งต่อให้พนักงานสอบสวนซึ่งกำลังเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันอยู่ในขณะนี้แล้ว ทำให้ผมนึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในสามจังหวัดภาคใต้ขึ้นมาทันที
เคยมีการหารือกันในหลายเวทีเกี่ยวกับการแก้ปัญหาความไม่สงบในสามจังหวัดภาคใต้แล้วมีข้อสรุปว่า หากต้องการจะแก้ปัญหาให้ได้ ปัจจัยสำคัญอย่างหนึ่งคือ จะต้องทำให้เกิดความไว้วางใจและความยุติธรรมขึ้นโดยจะต้องทำให้กระบวนการสืบสวน สอบสวนและการดำเนินคดีเป็นไปอย่างถูกต้องเป็นธรรม

การจับกุม ควบคุมตัวแบบลับที่อาจเกิดการซ้อมทรมานก่อนการสอบสวนโดยพนักงานสอบสวน ทำให้การดำเนินคดีทั้งกระบวนไม่น่าเชื่อถือว่า จะเป็นไปด้วยความยุติธรรม ทำให้เกิดความโกรธแค้น ชิงชังและต่างฝ่ายต่างไม่หวังพึ่งกระบวนการยุติธรรม นำไปสู่ความไม่สงบอย่างต่อเนื่อง
น่าเสียดายที่แม้ว่า จะมีข้อสรุปทำนองนี้ครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ปัญหานี้กลับไม่ได้รับการแก้ไขอย่างจริงจัง ทำให้นับวันปัญหาความไม่สงบในสามจังหวัดภาคใต้ก็ยิ่งหนักหนาสาหัสมากขึ้นเรื่อยๆจนกระทั่งทุกวันนี้
ที่น่าเสียดายและน่าห่วงใยอย่างยิ่งก็คือ ไม่เพียงแต่ไม่มีความตระหนักต่อความเสียหายที่เกิดจากปัญหาสามจังหวัดภาคใต้ แต่ขณะนี้กลับมาทำซ้ำรอยในการจัดการกับปัญหาในจังหวัดอื่นๆรวมทั้งกรุงเทพฯ
ราวกับว่า ผู้มีอำนาจกำลังต้องการทำในสิ่งที่เคยเกิดและล้มเหลวในสามจังหวัดภาคใต้มาแล้ว
จะต่างกันอยู่บ้างอย่างประหลาดก็คือ คดีเกี่ยวกับความมั่นคงที่เกิดขึ้นในสามจังหวัดภาคใต้ไม่ต้องขึ้นศาลทหารซึ่งถูกต้องแล้ว แต่คดีที่เกิดนอกสามจังหวัดภาคใต้กลับต้องขึ้นศาลทหารและขึ้นศาลเดียว
การจับกุม คุมตัวผู้ต้องสงสัยแบบลับโดยไม่มีใครทราบว่า ไปขังไว้ที่ไหน ไม่แจ้งญาติ ไม่ให้พบทนายความนานถึง 7 วัน แล้วส่งต่อให้พนักงานสอบสวนอย่างที่กำลังทำกันอยู่นี้ทำให้กระบวนการสอนสวนขาดความน่าเชื่อถือไปอย่างมาก
ไม่มีใครรู้ว่า มีการซ้อมผู้ต้องหาหรือไม่ มีการข่มขู่ บังคับให้รับสารภาพหรือซัดทอดอย่างมีเงื่อนไขหรือไม่ ทำให้สงสัยได้ว่า ผู้ที่ถูกดำเนินคดีทั้งหลายเป็นผู้กระทำความผิดจริงหรือไม่
ถ้าผู้ที่ถูกลงโทษไม่ใช่ผู้กระทำผิดจริง ก็หมายความว่า ผู้กระทำผิดจริงยังลอยนวลอยู่และอาจจะกระทำผิดและสร้างความเสียหายแก่บ้านเมืองอีกก็ได้
ส่วนผู้ที่ถูกลงโทษทั้งๆที่ไม่ได้กระทำความผิด ก็ย่อมรู้สึกโกรธแค้นและไม่เชื่อถือในกระบวนการยุติธรรม รวมทั้งอาจหันเหไปจากการแก้ปัญหาโดยสันติวิธีก็ได้ด้วย
นอกจากนี้ ที่หลายฝ่ายเป็นห่วงกันมากก็คือ เมื่อเอาการจับกุม คุมตัวแบบลับมาผสมกับการสอบสวนดำเนินคดี อาจทำให้การดำเนินคดีมีลักษณะที่เกิดจากความมุ่งหมายทางการเมือง เช่น เพื่อการทำลายเครดิต ภาพพจน์ทางการเมืองของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งได้
กลายเป็นปัญหาทั้งขาดยุติธรรมและไม่มีความไว้วางใจซึ่งกันและกัน
วิกฤตของประเทศที่เกิดขึ้นต่อเนื่องกันมาในหลายปีมานี้ มีสาเหตุสำคัญอย่างหนึ่งมาจากการบังคับใช้กฎหมายอย่างไม่เป็นธรรม ทำให้มีคนจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆขาดความเชื่อถือในกระบวนการยุติธรรม
การจับกุมคุมตัวแบบลับแล้วส่งตัวให้พนักงานสอบสวนนี้
เป็นวิธีการที่ผิดและได้สร้างความเสียหายอย่างมากมาแล้วในสามจังหวัดภาคใต้ เมื่อเอามาใช้ในขอบเขตทั่วประเทศ ย่อมมีแต่จะทำให้วิกฤตของประเทศยิ่งหนักหน่วงรุนแรงยิ่งขึ้นอย่างไม่ต้องสงสัย

ที่กำลังทำกันอยู่ในเวลานี้จึงควรที่จะต้องทบทวนแก้ไขเสียโดยด่วน



Inga kommentarer:

Skicka en kommentar