tisdag 9 december 2014

จากพระ เจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ เป็น นาง ศรีรัศมิ์ สุวะดี

ข่าว แพร่หลายในเวป Andrew MacGregor Marshall : EXCLUSIVE — Srirasmi, third wife of Thailand's Crown Prince Vajiralongkorn, has renounced her royal status. Now a commoner once again



EXCLUSIVE — ศรีรัศมิ์ พระชายาองค์ที่ 3 ของสมเด็จพระบรมฯ ได้สละพระราชอิสริยยศและส่งคืนเครื่องประดับทั้งหมดกลับมาสู่การเป็นสามัญชน อีกครั้ง ขณะนี้ศรีรัศมิ์ได้ไปปฏิบัติธรรม ณ วัดแห่งหนึ่งในจังหวัดเชียงราย

EXCLUSIVE — Srirasmi, third wife of Thailand's Crown Prince Vajiralongkorn, has renounced her royal status and returned all her jewels. Now a commoner once again, she has retreated to a temple in Chiang Rai to meditate.

Source:




ooo
ข้อมูลจาก วิกิพีเดีย
เข้าสู่พระราชวงศ์

พระ เจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ พระวรชายาฯ เริ่มเข้าถวายการรับใช้ในพระองค์ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ สยามมกุฎราชกุมาร ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2536 โดยรับผิดชอบหน้าที่การงานในฐานะข้าราชการพลเรือนในพระองค์ นอกจากนี้ ยังได้ถวายงานสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในด้านศิลปาชีพ และได้ทรงจดทะเบียนสมรสตามกฎหมาย ต่อมาเข้ารับพระราชทานน้ำพระมหาสังข์จากพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ สถาปนาขึ้นเป็น "หม่อมศรีรัศมิ์ มหิดล ณ อยุธยา" เมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2544[13] โดยสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ทรงกล่าวว่า

เรา อยากจะสร้างครอบครัวขึ้นมาให้ดี หม่อมมีหน้าที่ดูแลเรื่องต่าง ๆ ภายในบ้าน ดูแลข้าราชบริพาร รวมทั้งถวายงานสมเด็จฯ (สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ) เราใช้ชีวิตกันแบบสบาย ๆ ไม่มีอะไร...เราอายุ 50 ปีแล้ว ไม่อยากเริ่มต้นชีวิตใหม่ อยากได้ครอบครัวที่ดี ที่คนพอใจเป็นประโยชน์ คบได้ ไม่ใช่เป็นการเอาอะไรมาใส่ประชาชน แต่ขอให้ประชาชนยอมรับว่าคนนี้ใช้ได้ ถ้าเป็นหม่อมในพระบรมฯ ทุกคนก็ต้องกราบไหว้ มันก็พัง
— สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร, 23 มกราคม 2545[14][15]

พระ บิดาและพระมารดาของพระองค์รวมทั้งสมาชิกในครอบครัวได้รับพระราชทานนามสกุล จากสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฏราชกุมารว่า "อัครพงศ์ปรีชา"[8] เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2545[16] หม่อมศรีรัศมิ์ได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ปฐมจุลจอมเกล้าฝ่ายใน เมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2547 และได้ประสูติกาลพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าทีปังกรรัศมีโชติ พระราชโอรส เมื่อวันที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2548[17] การนี้พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ สถาปนา หม่อมศรีรัศมิ์ มหิดล ณ อยุธยา ขึ้นดำรงพระอิสริยยศเป็น พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ พระวรชายาในสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร [18]

วัน ที่ 29 พฤศจิกายน 2557 สำนักข่าวบีบีซีรายงานว่า สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ ทรงขอให้รัฐบาลริบนามสกุลพระราชทานของพระวรชายา ก่อนหน้านั้น มีการกวาดล้างญาติใกล้ชิดของพระองค์ซึ่งถูกกล่าวหาว่าเกี่ยวข้องกับการฉ้อ ราษฎร์บังหลวง[8] โดยทั้งหมดกลับไปใช้สกุลเดิมก่อนพระราชทานคือ "เกิดอำแพง"[19][20][21] ต่อมาข้อมูลนามสกุลนั้นผิด เมื่อตรวจสอบแล้วจึงเปลี่ยนให้ใช้ชื่อสกุลว่า "สุวะดี" อันเป็นชื่อสกุลเดิมทีแท้จริง[22] ตั้งแต่วันที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557[16] ซึ่งสำนักข่าวบีบีซีมองว่า นี่อาจเป็นก้าวแรกที่จะนำไปสู่การหย่าร้างของทั้งสองพระองค์[8]


1 kommentar:

  1. ขอดูประกาศพระบรมราชโองการจากราชกิจจานุเบกษาด้วย ว่าได้ประกาศลง ณงวันที่เท่าไร ตอนใด และเล่มที่เท่าไร เรื่องการโปรดเกล้าฯ สถานปนาหรือถอดถอนพระอิสริยยศแห่งราชวงศ์ ถือเป็นเรื่องสำคัญต้องมีการประกาศลงในราชกิจจานุเบกษาให้ประชาชนได้รับทราบโดยทั่วถึงกัน ถ้าไม่มีหลักฐานมายืนยันผมไม่เชื่อ!!!

    SvaraRadera