måndag 1 december 2014

แผน ′ลงเรือแป๊ะ′ ใน"แม่น้ำ 5 สาย"..กับคำพูดอันคลุมเครือของนายวิษณุ เครืองาม ตอนหนึ่ง ว่า "ลงเรือแป๊ะต้องตามใจแป๊ะ ไม่เช่นนั้น จะถูกแป๊ะไล่ลงจากเรือ" บอกอะไรแก่คนไทย จะได้ไม่สงสัยสงสัยว่าอาแป๊ะคือใครใครคืออาแป๊ะ? แต่ที่รู้แน่ๆนายวิษณุ เครืองามและพรรคพวกคือทาสขี้ข้าสมุนรับใช้อาแป๊ะ"ร่างทรง"ของเผด็จการทรราชอย่างแน่นอน..เผด็จการคือเผด็จการโดยสันดานจะปรับเปลี่ยนเป็นประชาธิปไตยไม่ได้อย่างแน่นอน แผนแม่น้ำห้าสายก็ทำเพื่อรักษาผลประโยชน์กิจการของอาแป๊ะและพรรคพวกเท่านั้นเอง ไม่ใช่เพื่อประชาชนและประเทศชาติ ....ประชาชนไทยจงมีสติโปรดเดินก้าวไปข้างหน้าอย่าหลงทางเดินถอยหลังกลับสู่จุดเริ่มต้นครั้งแล้วครั้งเล่าไปไม่ถึงจุดหมายปลายทางเหมือนในอดีตที่ผ่านมา...

การ์ตูนเซีย 1/12/57 ประชาธิปไตยสั่งได้




ประชาธิปไตย อีแอบ แบบกระหลั่ว
ขี้ขึ้นหัว ตัวสั่น หวั่นผวา
คำพร่ำเพ้อ ละเมอยิบ ขยิบตา

ดั่งผีห่า พาคิด ผิดหลักการ....

มีส่วนร่วม แต่ทั้งนี้ มีข้อแม้
ห้ามพูดแหย่ ห้ามพูดแซว แล้วฟุ้งซ่าน
ห้ามประชด ห้ามเสียดสี ตีรัฐบาล
ต้องหมอบคลาน หวานคำยื่น แล้วชื่นชม....

๓ บลา


สุดยอด คำเท่ จากวิษณุ เครืองาม ′ลงเรือแป๊ะ′
matichon Online



















ประหนึ่ง "คำพูด" ตอนหนึ่งของนายวิษณุ เครืองาม ระหว่างบรรยาย "บทบาท สนช.กับการพัฒนาประเทศไปสู่ความยั่งยืน" ณ ชะอำบีช รีสอร์ท

โดยการอ้างอิง "คำโบราณ" ที่ว่า
"ลงเรือแป๊ะต้องตามใจแป๊ะ ไม่เช่นนั้น จะถูกแป๊ะไล่ลงจากเรือ"
จะเป็นการ "สื่อ" โดยตรงไปยังสมาชิก "สนช." ซึ่งนั่งฟังอยู่ในห้องประชุม ทั้งๆ ที่ในความเป็นจริง สิ่งที่นายวิษณุ เครืองาม เน้นอย่างหนักแน่นคือ

ความที่เรียกว่า
"แม่น้ำ 5 สาย"


ได้แก่ 1 คสช. 2 ครม. 3 สนช. 4 สปช. และ 5 กรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ซึ่งตกอยู่ในสภาวะอันสรุปได้ว่า"วันนี้ทุกคนลงเรือลำเดียวกัน"
เป็นเรืออันมาจากกระบวนการรัฐประหาร เป็นเรืออันมี "โรดแมป" กำหนดเอาไว้อย่างชัดเจนภายใต้คำขวัญ
"ทำทันที ทำต่อไป ทำอย่างยั่งยืน"
ทั้งหมดนี้จึงมิได้เป็นคำมั่นอันเป็น "สัญญา" ที่ให้ไว้กับ "ประชาคม" เท่านั้น หากที่สำคัญเป็นอย่างมากยังเป็นคำมั่นอันให้ไว้กับ
"แป๊ะ" ซึ่งเป็น "เจ้าของเรือ"
ไม่ว่าใครจะชี้นิ้วและกล่าวหาบทบาทของนายวิษณุ เครืองาม อย่างไร แต่บทสรุปจากการตัดสินใจลงเรือ "แป๊ะ" ตรงประเด็นอย่างที่สุด

ท่าทีของนายวิษณุ เครืองาม จึงต่างไปจาก
นายสมหมาย ภาษี
แม้เนื้อหาที่นายสมหมาย ภาษี กล่าวในลักษณะ "ประเมิน" หรือ "คาดการณ์" กับนักข่าวแห่งสำนักข่าวต่างประเทศที่ว่า

อาจจะมีการเลือกตั้งประมาณกลางปี 2559

อาจเริ่มต้นจากความเป็นจริง 1 คือ ระยะเวลาที่ลงประชามติ และ 1 คือการจัดทำกฎหมายลูกหรือกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ

แต่ก็อย่างที่มี "คำพูด" อันลอยมาตามสายลม
"สมหมายเป็นใคร"
คำถามนี้เริ่มต้นบนพื้นฐานที่ว่า นายสมหมาย ภาษี เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และกระทรวงการคลังทำหน้าที่บริหารเกี่ยวกับเศรษฐกิจ การจัดเก็บภาษีมิได้มีอะไรเกี่ยวข้องกับ
"รัฐธรรมนูญ"ตรงนี้คือจุดต่างระหว่าง "สมหมาย" กับ "วิษณุ"
การนำเสนอถ้อยคำของนายวิษณุ เครืองาม อันสัมพันธ์กับ 1 "วันนี้ ทุกคนลงเรือลำเดียวกัน" และ 1 ซึ่งสำคัญอย่างยิ่งยวด

เป็นการลงเรืออะไร และลงเรือของใคร

ประโยคหลังเท่ากับเน้นให้เห็นความสำคัญ
"ลงเรือแป๊ะ ต้องตามใจแป๊ะ ไม่เช่นนั้น จะถูกแป๊ะไล่ลงจากเรือ"
นายสมหมาย ภาษี มิใช่คนแรกที่เกิดข้อสงสัย
"สมหมายเป็นใคร"
คงยังจำกันได้ว่า ก่อนหน้านี้ไม่นานก็ปรากฏคำถามในลักษณะเดียวนี้ว่า
"วิษณุเป็นใคร"
ความเข้าใจของนายวิษณุ เครืองาม จึงมิใช่เรื่องประเภท
"โชคช่วย"
ตรงกันข้าม เป็นความเข้าใจจากการที่เคยทำงานร่วมกับ พล.อ.อาทิตย์ กำลังเอก ในรายการสนทนาประชาธิปไตย เป็นความเข้าใจจากการนั่งอยู่ในตำแหน่งเลขาธิการคณะรัฐมนตรีหลายยุคหลายสมัยของรัฐบาล

ยิ่งกว่านั้น ยังเคยถูกตั้งคำถามมาแล้ว
"วิษณุเป็นใคร"
บทสรุปของนายวิษณุ เครืองาม จึงเป็นบทสรุปในลักษณะ "ซาโตริ" เป็นการ "รู้แจ้ง รู้ตื่น และเบิกบาน" มาโดยตน
ทั้งประสบการณ์ "อ้อม" ทั้งประสบการณ์ "ตรง"
ในความเป็นจริง "ถ้อยคำ" ของนายวิษณุ เครืองาม อาจฟังแล้วกว้าง แต่มีลักษณะอันครอบคลุม

เหมือนกับเน้นให้กับกลุ่มที่ลงเรือลำเดียวกันอันเป็น "แม่น้ำ 5 สาย" แต่ภายในความหนักแน่นและจริงจังนี้ เท่ากับใบ้บอกให้กับ "สังคม" ไปด้วยในขณะเดียวกัน

เป็นบทสรุปแบบ "สัจนิยม" เป็นบทสรุปเชิง "เรียลลิสติก"

....................................................................


-นายวิษณุ เผย หลักสำคัญ 5 ข้อสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน ระบุ การรวมตัวของบุคคลยากเหมือนปลา 4 น้ำ แต่ก็สามารถผ่านมาได้ ยืนยันระบบวิปรัฐบาลนี้แข็งแกร่งสุด
http://www.matichon.co.th/online/2014/11/14172427071417242716l.jpg

วันที่ 29 พ.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวในงานสัมนาสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ หรือ สนช. ประจำปี 2557 ว่า ระบบวิปในรัฐบาลปัจจุบันเป็นระบบที่แข็งแกร่งอยากให้นำไปใช้ในอนาคต และรัฐบาลถือเป็นเนื้อเดียวกัน เพราะมาจากแหล่งเดียวกันคือ คสช. ตลอด 4 เดือนที่ผ่านมาได้เฝ้ามองเห็นการทำงานของสนช. เหมือนสัตบุรุษที่พิสูจน์แล้วว่าสามารถอยู่ร่วมกันได้ด้วยกฎกติกามารยาท แม้สนช.จะรวมกันเหมือนปลา4น้ำ ประกอบด้วย ท็อปบูท คสช.เป็นผู้ตั้งขึ้นมา มามือเปล่า ผู้มีประสบการณ์รัฐสภา กอดตำราคาบตัวบทมาด้วย พวกหิ้วกระเป๋ามา หรือนักกฎหมายและภาคเอกชน และส่วนตัวแม้จะมาจากคสช. แต่ก็ได้รับความเมตตาจนงานสำเร็จลุล่วง พร้อมชื่นชมการทำงานของประธานและรองประธานสนช.ที่สามารถคุมเกมส์ในสภาอยู่ในระเบียบได้

สนช.ถือเป็นส่วนหนึ่งของยุคที่ร่วมพัฒนาประเทศซึ่งจะต้องคัดสรรกฎหมายที่มีประโยชน์เข้ามายังสภาให้ดีที่สุดพร้อมเสนอแนะหลักสำคัญการ5ข้อของการพัฒนาประเทศไปสู่ความยั่งยืนคือ

1.บลูปริ้นหรือพิมพ์เขียวซึ่งยืนยันว่า ที่ผ่านมาไม่เคยมีพิมพ์เขียวการยกร่างรัฐธรรมนูญตามที่ถูกพูดถึง แต่จากนี้จะเริ่มมีแนวทางว่าจะต้องแก้หรือปรับปรุงกฎหมายใดหรือที่มาของนายกรัฐมนตรี

2.โรดแมป ของคสช.ซี่งยอมรับว่าหนักใจเพราะในช่วงหนึ่งได้ออกประกาศหรือคำสั่งบางฉบับที่เป็นกฎหมายและมีผลผูกพันธ์ในอนาคตดังนั้นสัปดาห์หน้าเตรียมหารือคณะรัฐมนตรีเพื่อที่จะส่งเรื่องไปยังสนช.ให้ออกพระราชบัญญัติยกเลิกคำสั่งคสช.หรือประกาศนั้นเพราะครม.ไม่มีอำนาจในการยกเลิกนอกจากนี้รัฐบาลพร้อมที่จะทูลเกล้าฯรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ภายในวันที่4กันยายนปี2558ส่วนจะได้รับการโปรดเกล้าฯเมื่อใดหม่สามารถตอบได้และแม้มีการประกาศใช้รัฐธรรมนูญแล้วก็ยังไม่สามารุจัดการเลือกตั้งได้เพราะต้องออกกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญก่อน

3.แม่น้ำ5สายซึ่งสนช.คือหนึ่งในนั้นที่จะต้องไม่เป็นแม่น้ำสายเดียวในการขับเคลื่อนการทำงานให้มีประสิทธิภาพ

4.ทำทันทีทำต่อไปทำอย่างยั่งยืน

.ต้นทางกลางทางปลายทางหรือการออกกฎหมายที่จะต้องทำอย่างเป็นระบบตั้งแต่การตีความของกฤษฎีกาก่อนส่งกลับมาให้สนช.พิจารณาอีกครั้ง

นายวิษณุกล่าวต่อว่าในช่วงเดือนธันวาคมนี้รัฐบาลจะผลักดันกฎหมายสำคัญตามนโยบายของรัฐบาลให้เข้าสู่การพิจารณาของสภาหลายฉบับอาทิร่างพระราชบัญญัติประมวลรัษฎากรที่มีความเกี่ยวข้องกับร่างพระราชบัญญัติภาษีมรดก ซี่งร่างกฎหมายนี้คาดว่า จะผ่านการแก้ไขและประกาศใช้ประมาณเดือนมิถุนายน จึงจะเริ่มจัดเก็บเงินได้

ขณะที่เดือนมกราคมหรือกุมภาพันธุ์ จะเร่งผลักดันร่างพระราชบัญญัติการชุมนุมเพื่อกำหนดกรอบการชุมนุม อาทิ งดการชุมนุมตั้งแต่เวลา22.00-.06.00 นาฬิกา ห้ามชุมนุมใกล้วัดและโรงเรียน พร้อมยืนยันว่ากรอบเหล่านี้ไม่ใช่การจำกัดสิทธิการแสดงออกทางการเมือง และเตรียมเสนอให้สนช.กำหนดรูปแบบการพิจารณากฎหมายที่ต้องระบุชัดเจนว่ากฎหมายใดเป็นกฎหมายตามนโยบายของรัฐบาล

ส่วนเรื่องการสร้างความปรองดองสามารถทำได้ด้วยการลงพื้นที่พบปะประชาชนดังนั้นคาดหวังว่าหลังจากนี้สนช.จะเริ่มลงพื้นที่ดำเนินการเรื่องนี้จากที่ยังไม่เคยทำมาก่อนซึ่งหากทุกคนทำด้วยความเพียรความปรองดองก็จะเกิดขึ้นได้



Inga kommentarer:

Skicka en kommentar