söndag 14 december 2014

สู่อิสระภาพ ได้ปลดปล่อยตัวเองเป็นไท จากชีวิตอันแสนรันทดขมขื่นที่เคยรับใช้ในวังหลวง กลับสู่อ้อมกอดที่อบอุ่นของเพื่อนร่วมชาติ คืนสู่"บ้านที่แท้จริง" เรื่องราวที่เกิดขึ้นกับเธอและครอบครัวพร้อมญาติพี่น้องของเธอ ให้ถือเป็นอุทาหรณ์สอนใจสำหรับประชาชนไทยเจ้าของประเทศ เรื่องนี้บอกให้ทุกคนรู้ว่าในสายตาของพวกอำมาตย์เหลือบศักดินาประชาชนไทยคือ"ขี้ข้าทาสฝุ่นใต้ตีน" เท่านั้นเอง เรื่องราวของครอบครัวอำมาตย์เหลือบศักดินาคือที่มาของสาเหตุและปํญหาทั้งหมดในประเทศไทยเวลานี้....ประชาชนไทยจงลืมตาตื่นยอมรับความจริง และ ช่วยกันหาทางปลดปล่อยตัวเองและประเทศชาติให้เป็นไทสู่อิสรภาพ...






ล่าสุด วันนี้ (14 ธ.ค.) มีรายงานข่าวแจ้งว่า พบน.ส.ศรีรัศมิ์ สุวะดี ได้เดินทางมาพักอาศัยเพื่อปฏิบัติธรรมอยู่ที่บ้านคุณอภิรุจ และคุณวันทนีย์ หรือ “บ้านอัครพงศ์ปรีชา” บิดาและมารดาของท่านผุ้หญิงศรีรัศมิ์ สุวะดี หมู่ที่ 6 ตำบลวัดเพลง อำเภอวัดเพลง จังหวัดราชบุรี โดยตั้งแต่ช่วงเช้าพบว่า ได้มีประชาชน และผู้ที่มีความสนิทใกล้ชิดกับน.ส.ศรีรัศมิ์ สุวะดี เดินทางเข้ามาที่บ้านหลังดังกล่าวตลอดเวลา เนื่องจากภายในบ้านได้มีการประกอบพิธีทำบุญตักบาตรพระสงฆ์จำนวน 9 รูปเพื่อความเป็นสิริมงคล และพบน.ส.ศรีรัศมิ์ สุวะดี อยู่ในบ้านหลังดังกล่าวโดยสวมใส่ชุดขาว

 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับบ้านหลังดังกล่าวสร้างไว้สมัยที่ท่านผู้หญิงดำรงพระยศ จากการตรวจสอบพบว่า บ้านดังกล่าวเดิมชื่อ “บ้านอัครพงศ์ปรีชา” ก่อนเปลี่ยนชื่อเป็น “บ้านสุวะดี” ในภายหลัง ซึ่งบ้านพักหลังนี้มีเนื้อที่ขนาดใหญ่อยู่ติดริมถนน ซึ่งถูกปิดล้อมด้วยรั้วกำแพงคอนกรีตสีขาวสูง 2 เมตร มีประตูทางเข้า 2 ประตู โดยประตูทางเข้าทั้ง 2 ประตูนั้นมีป้อมคอนกรีตลักษณะคล้ายกับป้อมรักษาความปลอดภัย

 สำหรับตัวบ้านอยู่ห่างจากทางเข้าวัดแก้วเจริญ ประมาณ 200 เมตร และตั้งอยู่ติดกับพื้นที่ของบ้านสวนส้มทิพย์รีสอร์ท ขณะที่บริเวณรั้วบ้านยังคงมีการประดับประดาด้วยธงชาติ ธงตราสัญลักษณ์ พระบรมฉายาลักษณ์ในหลวง

 อย่างไรก็ตาม ภายหลังจากน.ส.ศรีรัศมิ์ สุวะดี ได้ลาออกจากฐานันดรศักดิ์กลับสู่สามัญชนนั้น ก็ได้มีคำสั่งยกเลิกนามเรียกขาน และการรักษาความปลอดภัย “บ้านอัครพงศ์ปรีชา” ทำให้ปัจจุบันบรรยากาศโดยรอบเป็นไปด้วยความเงียบเหงา ไร้วี่แววกำลังรักษาความปลอดภัยจากเจ้าหน้าที่ ต่างจากเดิมที่มีกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจดูแลอารักขาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด นอกจากนี้ ยังพบว่าได้มีการนำรถแบ็กโฮมาทำการรื้อป้อมซึ่งอยู่ที่บริเวณหน้าบ้านด้วย





ส่วนที่ก่อนหน้านี้ได้มีการขึ้นป้ายประกาศขายสวนผึ้งรีสอร์ต ในอำเภอสวนผึ้ง จังหวัดราชบุรีนั้น จากการตรวจสอบล่าสุด พบที่ด้านหน้ารีสอร์ตได้มีการปลดป้ายประกาศขายกิจการลงแล้ว และมีการนำป้ายกระดานดำมาเขียนข้อความด้วยชอล์กระบุข้อความว่า “เยี่ยมชม ถ่ายรูป เปิดบริการแล้ว ร้านอาหาร กาแฟสด ของที่ระลึก ฟาร์มแกะ กิจกรรมสวนสนุกเปิดทุกวัน” ส่วนภายในสวนผึ้งรีสอร์ต ก็ยังคงพบมีนักท่องเที่ยวเดินทางมาสัมผัสกับบรรยากาศลมหนาวที่กำลังมาเยือนที่อำเภอสวนผึ้ง ในช่วงนี้อย่างต่อเนื่อง และมีเป็นจำนวนมากด้วย

  มาเที่ยว สวนผึ้ง ต้องมาเที่ยว ที่สวนผึ้ง รีสอร์ทนะคะ....^___<
ส่วนบรรยากาศภายในรีสอร์ต มีเจ้าหน้าที่คอยต้อนรับตั้งแต่ปากประตูทางเข้า โดยมีการเรียกเก็บบัตรผ่านประตูรายละ 40 บาทตามปกติ มีเจ้าหน้าที่ทำความสะอาด ทำสวน และบริการลูกค้ารวมไปถึงร้านค้า ร้านอาหาร ยังเปิดให้บริการตามปกติ และจากการสอบถามทางเจ้าหน้าที่เกี่ยวกับการติดต่อเข้าพักภายในสวนผึ้งรีสอร์ตพบว่า มีนักท่องเที่ยวเข้าพัก และจองยาวไปจนถึงวันที่ 3 มกราคม 2558
 
ส่วนที่ข่าวลือว่ามีการทุบทิ้งสวนผึ้งรีสอร์ต และปิดตำนานมนุษย์หินฟริ้นสโตนนั้น จากการตรวจสอบพบว่า ไม่ได้มีการถูกทุบทิ้งแต่อย่างใด ลานสวนสนุก อาคารออฟฟิศ อาคารที่พัก และอาคารส่วนต่างๆ ยังอยู่ครบ และสมบูรณ์เหมือนเดิม แต่ส่วนที่ทุบทิ้งคือ ส่วนที่มีการถูกรื้อทิ้งเป็นพื้นที่ส่วนเกินประมาณ 10 ไร่ ที่ถูกร้องเรียนว่ามีการบุกรุก ซึ่งอยู่อีกฟากฝั่งของร่องน้ำถัดจากรั้วของตัวรีสอร์ตออกไปด้านหลัง และอยู่ติดกับเชิงเขา และเป็นพื้นที่ของกลางที่อยู่ระหว่างดำเนินคดีอยู่ พร้อมกันนี้ มีทหารเข้าดูแลไว้เพื่อไม่ให้มีการทุบทิ้งทำลายของกลางในคดีเพิ่มเติม หรือมีการเข้ามาโยกย้ายของกลางเท่านั้น

Inga kommentarer:

Skicka en kommentar