fredag 7 november 2014

ด่วน...โปรดระวัง"อันตราย อันตราย " เมื่อทหารนำ."มาตรา 44" มาใช้ ทหารขอความร่วมมือกับทุกคน ตามที่ได้ตกลงกันไว้ หลังปรับทัศนคติครั้งแรก คือขอให้อยู่เหงียบๆ"ในกะลาครอบ"เหมือนเดิม ห้ามออกมาเคลื่อนไหวเผ่นพล่านอย่างเด็ดขาด....ถ้าทหารถามว่าประชาชนกลัวไหม???? ไม่ต้องตอบเก็บไว้ในใจอย่าให้ใครรู้...

'วาสนา' โพสต์เฟซบุ๊กระบุ คสช. ให้ทหารลงพื้นที่ปรามแกนนำทางการเมือง

"วาสนา นาน่วม" โพสต์เฟซบุ๊กระบุ คสช.เตรียมเรียกบุคคลมารายงานตัวอีกระลอก ขอความร่วมมือป้องปรามแกนนำในทุกระดับ แต่ไม่ออกคำสั่งเรียกให้ ผบ.หน่วย ในแต่ละพื้นที่ประสานพูดคุยแทน
 
เมื่อวันที่ 7 พ.ย. 2557 ที่ผ่านมานางสาววาสนา นาน่วม นักข่าวสายความมั่นคงชื่อดัง ได้โพสต์ในเฟซบุ๊กส่วนตัว Wassana Nanuam ระบุว่ากองกำลังรักษาความสงบ (กกล.รส.) ของ คสช. มีคำสั่งให้ ผบ.หน่วยทหาร ที่ดูแลแต่ละพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศ และใน กทม. ปริมณฑล เข้าไปทำความเข้าใจกับ แกนนำ ชุมชน และ แกนนำ กลุ่มต่างๆ และ นักการเมือง เพื่อขอความร่วมมือ ในการงดเคลื่อนไหวทางการเมือง หรือให้สัมภาษณ์โดยมีทั้งการเป็นฝ่ายไปพบ และเชิญตัวมาพบปะพูดคุย เพื่อขอความร่วมมือ
 
ทั้งนี้ คสช.ได้เคยออกคำสั่งเรียกตัว บุคคลเหล่านึ้มารายงานตัว และ ปรับทัศนคติ และขอความร่วมมือไว้แล้ว ตั้งแต่หลังรัฐประหาร โดยทาง กกล.รส.ในแต่ละพื้นที่ มีเบอร์ และช่องทางในการติดต่อ บุคคลเหล่านึ้อยู่
 
แต่ตอนนี้ เวลาผ่านมาหลายเดือน ฝ่ายทหาร จึงต้องมีการเชิญตัวมาพบ หรือ ทหารไปพบเอง เพื่อตอก ย้ำสิ่งที่ ได้ตกลงกันไว้ และขอความร่วมมือ อีกครั้ง ถือเป็นขั้นแรก แต่หากไม่ยอมร่วมมือ ฝ่ายทหาร ก็จะใช้กม.จากเบาไปหาหนัก จาก กม.ปกติ ไป อัยการศึก และ มาตรา 44 แต่จะไม่ได้มีการออกคำสั่งเช่นตอนรัฐประหาร แต่เป็นการพูดคุยภายใน เงียบของ ผบ.หน่วยในแต่ละพื้นที่กองทัพภาค
 
ทั้งนี้ เพื่อเตรียมรับสถานการณ์ หลัง สนช.รับถอดถอน "นิคม-สมศักดิ์" และอาจรวมถึง อดีตนายกฯ "ยิ่งลักษณ์" ที่อาจทำให้เกิดความวุ่นวาย โดยมีการเชิญมาพบ แล้ว หลายราย ในหลายพื้นที่ รวมทั้งกรุงเทพฯ ปริมณฑล ด้วย
 
โดยมาตรการนี้ เป็นผลจากการประชุม ร่วม ครม.-คสช.เมื่ออังคารที่ผ่านมา ที่ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ หัวหน้าคสช.สั่งการให้ทำความเข้าใจ กับกลุ่มเคลื่อนไหวต่างๆ โดยใช้มาตรการจากเบา ไปหาหนัก ใช้กฎหมายปกติ ไปจนถึง กฎอัยการศึก หรือหากจำเป็น ก็ต้องใช้ มาตรา 44

.....................................

มาตรา 44 ที่ซ่อนคมไว้อย่างมีนัยสำคัญ
“มาตรา 44 ในกรณีที่หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติเห็นเป็นการจําเป็นเพื่อประโยชน์ ในการปฏิรูปในด้านต่าง ๆ การส่งเสริมความสามัคคีและความสมานฉันท์ของประชาชนในชาติ หรือเพื่อป้องกัน ระงับ หรือปราบปรามการกระทําอันเป็นการบ่อนทําลายความสงบเรียบร้อยหรือความมั่นคงของชาติ ราชบัลลังก์ เศรษฐกิจของประเทศ หรือราชการแผ่นดิน ไม่ว่าจะเกิดขึ้นภายในหรือภายนอกราชอาณาจักร ให้หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติโดยความเห็นชอบของคณะรักษาความสงบแห่งชาติมีอํานาจสั่งการ ระงับยับยั้ง หรือกระทําการใด ๆ ได้ ไม่ว่าการกระทํานั้นจะมีผลบังคับในทางนิติบัญญัติ ในทางบริหาร หรือในทางตุลาการ และให้ถือว่าคําสั่งหรือการกระทํา รวมทั้งการปฏิบัติตามคําสั่งดังกล่าว เป็นคําสั่ง หรือการกระทํา หรือการปฏิบัติที่ชอบด้วยกฎหมายและรัฐธรรมนูญนี้และเป็นที่สุด ทั้งนี้ เมื่อได้ดําเนินการดังกล่าวแล้ว ให้รายงานประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติและนายกรัฐมนตรีทราบโดยเร็ว”
เข้าสู่แผนปฏิรูปประเทศ ระยะที่ 2 ของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นที่เรียบร้อย แต่ฉับพลันที่ได้ประกาศใช้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พ.ศ. 2557 จำนวน 48 มาตรา ก็เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ในเชิงสร้างสรรค์ พร้อมแสดงความห่วงใยถึงสาเหตุและความจำเป็นใดที่มาตรา 44 ต้องบัญญัติสาระสำคัญที่ให้อำนาจพิเศษแก่หัวหน้า คสช. โดยความเห็นชอบของ คสช. เหนือกว่าอำนาจ 3 ฝ่ายทั้ง “บริหาร-นิติบัญญัติ-ตุลาการ” และยังชี้ชัดด้วยว่า คสช.ยังคงอำนาจรัฏฐาธิปัตย์แต่เพียงผู้เดียว
เราเชื่อว่า วันนี้สังคมคนส่วนใหญ่ให้การยอมรับ ไว้วางใจต่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้า คสช.และคณะ เพื่อสานภารกิจปฏิรูปประเทศ เพียงแต่อำนาจพิเศษนี้ ยังเป็นที่กังขาถึงขอบเขตและการใช้อำนาจที่ครอบจักรวาลนั้นจะเป็นเช่นไร หากผู้มีอำนาจ ใช้อย่างระมัดระวัง มีคุณธรรมจริยธรรม ยึดมั่นประโยชน์ของประเทศและประชาชน ก็ไร้ปัญหา แต่ถ้ากระทำตรงกันข้าม ไฟความขัดแย้งในสังคมไทยก็อาจลุกโชนอีกครั้ง
จับตา เส้นทางการปฏิรูปประเทศ ที่ต้องใช้เวลาอีก 1 ปีก่อนเข้าสู่ระยะที่ 3 มีการเลือกตั้งทั่วไป จัดตั้งรัฐบาลใหม่ พล.อ.ประยุทธ์ และคณะ คสช. จะใช้อำนาจพิเศษ มาตรา 44 เพื่อสร้างสรรค์และคุ้มครองประเทศไทย หรือไม่ อย่างไร ประการสำคัญสัจจวาจาของชาติชายทหารที่ว่า “ยิ่งมีอำนาจมาก ยิ่งต้องทำตัวให้เล็กลง อย่าคิดว่าตัวเองมีอำนาจแล้วจะทำได้ทุกอย่าง” อาจเป็นบทสรุปของเผด็จการคุณธรรมดีกว่าประชาธิปไตยพวกมากลากไป.


Inga kommentarer:

Skicka en kommentar