tisdag 18 november 2014

"ทาสสมัยใหม่" ไทยติดอันดับ 10 ของโลก !!! ทั้งๆที่ให้มีการเลิกทาสตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ ๕ ?? แต่ยังมีระบบทาสดำรงคงอยู่คู่ประเทศไทยจนถึงปัจจุบันไม่เปลี่ยนแปลง......




http://www.matichon.co.th/online/2014/11/14163099491416309992l.jpg





matichon  Online

วันที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557 เวลา 19:33:21     



ประชากรเกือบ 36 ล้านคนทั่วโลก ตกอยู่ในสถานะ "ทาสสมัยใหม่" ไทยติดอันดับ 10 ของโลก!
นายแอนดริว ฟอร์เรส ประธานบริหารมูลนิธิวอล์กฟรี กล่าวว่า “มีชุดความคิดที่ว่า ‘ทาส’ เป็นประเด็นปัญหาในยุคสมัยที่ผ่านพ้นไปแล้ว

ไม่อย่างนั้นก็มีเพียงแต่ประเทศที่มีสงครามหรือยากจน”



โดยทางมูลนิธิ ได้ระบุคำนิยาม ‘ทาสยุคสมัยใหม่’ นั้นครอบคลุมถึง ทาสที่ติดหนี้ การบังคับให้แต่งงาน การกดขี่แรงงานเด็ก รวมถึงการค้ามนุษย์และบังคับใช้แรงงานด้วย “ตั้งแต่ชาวประมงในไทยที่เสาะหาปลา เด็กชายชาวคองโกที่ต้องขุดเหมืองเพชร เด็กชาวอุสเบกิสถานที่ต้องเก็บฝ้าย เด็กหญิงในอินเดียที่ต้องเย็บลูกฟุตบอล การบังคับใช้แรงงานพวกเขาคือสิ่งที่เราทำอยู่” ซึ่งองค์การแรงงานระหว่างประเทศ ประมาณการณ์กำไรจากแรงงานที่ถูกบังคับเหล่านี้ ว่าสามารถสร้างได้ปีละกว่า 150 ล้านดอลล่าร์ หรือประมาณ 4,970 ล้านบาท




สำหรับประเทศไทยนั้น ตามรายงานระบุว่า มีประชาชนที่ใช้ชีวิตเยี่ยงทาสในประเทศทั้งหมด 4.8 แสนคน ตามข้อมูลของดัชนีทาสโลก คิดเป็นร้อยละ 0.709 ของประชากรทั้งหมดของประเทศ และเป็นประเทศที่มีทาสมากที่สุดลำดับ 10 ของโลก และลำดับ 2 ในอาเซียน รองจากประเทศอินโดนีเซีย ที่มีผู้ใช้ชีวิตเยี่ยงทาสมากถึง 7.14 แสนคน แต่คิดเป็นเพียงร้อยละ 0.286 ของประชากรทั้งหมดเท่านั้น


อันดับประเทศที่มีจำนวนทาสมากที่สุดในโลก



อันดับประเทศในเอเชียแปซิฟิก
ที่มีสัดส่วนจำนวนทาสมากที่สุด เมื่อเทียบกับจำนวนประชากรทั้งหมด


ทั้งนี้ ข้อมูลที่น่าสนใจไม่น้อยก็คือ แม้แต่ในทวีปยุโรป ที่ถือว่าอยู่ในอันดับท้ายๆ ของปัญหาเรื่องทาส ยังพบว่ามีแรงงานประมาณ 566,200 คน ที่เกี่ยวข้องกับโครงสร้างทาสสมัยใหม่ อาทิ การค้ามนุษย์ไปยังประเทศที่อยู่ประสบปัญหาอันดับท้ายสุด อย่างไอร์แลนด์เพื่อปลูกกัญชา หรือการบังคับให้ขอทานในประเทศฝรั่งเศส เป็นต้น


ซึ่งรายงานยังพบความสัมพันธ์ของวิกฤตเศรษฐกิจระดับโลก และมาตรการอันเข้มงวดของสหภาพยุโรป ที่เป็นผลพวงของแรงงานอพยพชาวบัลกาเรียและโรมาเนียที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากต้องการทำงานที่มีค่าตอบแทนสูง แต่บางส่วนกลับถูกหลอก และข่มขู่ภายใต้ระบบของการกดขี่แรงงาน


โดยรายงานระบุว่า การค้ามนุษย์ เพื่อกดขี่ให้ขายบริการทางเพศนั้น มีตัวเลขสูงถึงร้อยละ 70 ขณะที่การค้ามนุษย์เพื่อแรงงานนั้น มีเพียงร้อยละ 19


ขณะที่ทวีปแอฟริกานั้น ต้องเผชิญหน้ากับความท้ายทายมากที่สุด สืบเนื่องจากปัญหากองกำลังติดอาวุธและกลุ่มกบฏจากโซมาเลีย แรงงานขุดเหมืองในประเทศแซมเบีย ประเทศคองโกที่พบว่าใช้แรงงานเด็กในการขุดเหมืองซึ่งมีความอันตราย รวมถึงประเทศไนจีเรีย ซึ่งเป็นแหล่งสำคัญของการค้ามนุษย์ให้แก่ทวีปยุโรป โดยมีตัวอย่างถึงหญิงชาวไนจีเรียที่ต้องเป็นทาสสมัยภายใต้วังวนหนี้สินของอุตสาหกรรมการค้าบริการทางเพศในอิตาลี

ซึ่งนายฟอร์เรสได้กล่าวทิ้งทายไว้ว่า“การค้นพบเหล่านี้แสดงให้เห็นการมีอยู่ของทาสสมัยใหม่ในทุกประเทศพวกเราต่างมีส่วนรับผิดชอบต่อสถานการณ์อันย่ำแย่และความทุกข์ยากอย่างแสนสาหัสที่เกิดขึ้นต่อเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน”
            








.................................

Inga kommentarer:

Skicka en kommentar