söndag 5 oktober 2014

ไปเจอมา น่าสนใจ : นโยบาย "ปฏิรูปการเมือง ปฏิรูปสังคม ปฏิรูประบบราชการ" ของเผด็จการ "รัฐบาลทหาร" ซึ่งก็เป็นที่แน่ๆ หละว่าโครงสร้างทางความคิดนั้นหวังว่าประเทศไทยจะต้องเป็นประเทศภายใต้การปกครองด้วยพรรคราชการ ที่กำหนดให้ข้าราชการในหน่วยงานต่างๆ เลือกกันมาเป็นตัวแทนทางการเมือง และอยู่ภายใต้การนำของข้าราชการทหารที่ออกแบบการปกครองแบบโบราณที่หวังอยู่เหนือกระบวน ปรากฏการณ์เหล่านั้นมีนัยแอบแฝงที่ควรต้องวิเคราะห์ หาข้อสรุป และสังเคราะห์กระบวนคิดเพื่อกำหนดกลยุทธ์ในการตัดสินใจ "...อ่านแล้วคิดถึงความเป็นไปได้อย่าเชื่อทันที เพื่อติดอาวุธทางปัญญา รู้ทันแผนพวกอำมาตย์เผด็จการทรราช ...



ปรากฏการณ์ที่ควรนำมาวิเคราะห์
by   red  eagle.
เท่าที่เฝ้าสังเกตุการณ์ความเคลื่อนไหวทางการเมืองของไทยที่ผ่านมามีปรากฏการณืหลายอย่างที่น่าสนใจเป็นอย่างยิ่งปรากฏการณ์เหล่านั้นมีนัยแอบแฝงที่ควรต้องวิเคราะห์ หาข้อสรุป และสังเคราะห์กระบวนคิดเพื่อกำหนดกลยุทธ์ในการตัดสินใจที่จะผลัดดันการเปลี่ยนแปลงประเทศให้ไปสู่ประชาธิปไตย มีเหตุการที่น่าสนใจดังนี้



1. นโยบารัฐบาลเผด็จการ ก็เป็นที่ทราบกันดีตามแนวทางของการปฏิรูปของรัฐบาล คสช. ซึ่งกำหนดไว้ 3 แนวทาง คือ
ปฏิรูปการเมือง ปฏิรูปสังคม และปฏิรูประบบราชการ ซึ่งก็เป็นที่แน่ๆ หละว่าโครงสร้างทางความคิดนั้นหวังว่าประเทศไทยจะต้องเป็นประเทศภายใต้การปกครองด้วยพรรคราชการ ที่กำหนดให้ข้าราชการในหน่วยงานต่างๆ เลือกกันมาเป็นตัวแทนทางการเมือง และอยู่ภายใต้การนำของข้าราชการทหารที่ออกแบบการปกครองแบบโบราณที่หวังอยู่เหนือกระบวน
การผลิตที่มีประชาชนเป็นแรงงานทาส ต้องทำให้เขามีกิน มีใช้อย่างฟุ่มเฟือย โดยจะดูได้จาก
1.1 นโยบายจ้างชาวนาเลิกทำนา ไร่ละ 1000 บาท นโยบายนี้มีนัยอะไรที่ต้องขบคิด ให้เราได้ทบทวนถึงความมั่นของชีวิต
นั่นคือความเป็นอิสระ การที่คนเราจะเป็นอิสระได้ต้องพึ่งตนเองให้ได้เสียก่อน โครงสร้างสังคมในปัจจุบันกว่า 70% ของคน
ในประเทศไทย ไม่สามารถที่จะพึ่งตนเองได้ มีเพียงชาวนาเท่านั้นที่พึ่งตนเองได้ นอกนั้นถูกกำหนดด้วยเงินเดือนโดยทั้งสิน
เราจึงเห็นปรากฏการณ์การเคลื่อนไหวทางการเมือง หากมีชาวนามาเข้าร่วมเคลื่อนไหว มักจะสามารถร่วมเคลื่อนไหวได้อย่าง
ต่อเนื่องและยาวนาน แต่หากเคลื่อนไหวด้วยกลุ่มคนในสาขาอาชีพอื่น มักชุมนุนมเคลื่อนไหวได้เพียงประเดี๋ยวประด๋าว การทำลาย
อาชีพชาวนานั้น เป้นการทำลายความเข้มแข็งของกลุ่มคนประชาธิปไตย ที่พยายามผลักดันให้ชาวนาพึ่งตนเองไม่ได้ และผันตนเอง
ไปเป็นทาสแรงงาน เป็นมนุษย์เงือนเดือน ที่นายจ้างเป็นผู้กำหนด จะให้หรือไม่ให้ ความอ่อนแอในทางการเคลื่อนไหวทางการเมือง
จึงขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของนายจ้าง หากนโยบายนี้สามารถดำเนินการได้อย่างต่อเนื่องและสำเร็จ ประเทศไทยก็จะไม่ต่างไปจาก
เขมรเมื่อ 1000 กว่าปี และจะถูชนชั้นนำ Elite ดูถูกประชาชนาอยู่เสมอว่า "ประชาชนไม่พร้อม" "ประชาชนยังขาดการศึกษา"
1.2 นโยบายประชานิยมของเพื่อไทย จะไม่ถูกยกเลิก แต่จะปรับกระบวนการให้สวัสดิการโดยเป็นระบบ "สังคมสงเคราะห์" แทน
โดยชนชั้นนำจะนำเอาเงินภาษีของประชาชน มามอบให้กับประชาชน พร้อมทั้งเอาบุญคุณจากประชาชนด้วยพร้อมๆ กัน นั่นคือ
สังคมที่กำลังกอดคอกันพัฒนาประเทศ ก็จะถูกกลุ่มคนที่เป็นชนชั้นนำ ผลักประชาชนทั้วไปกลายเป็นผู้ที่ต้องอยู่ภายใต้บารมีของ
ชนชั้นนำ Elite ทั้งที่ชนชั้นนำไม่มีคุณค่าทางการผลิต แต่ก็มีอำนาจเหนือผลผลิตที่เกิดขึ้นจากประชาชน
1.3 การแต่ตั้ง สปช. วิเคราะห์ให้ดี จะพบว่าสัดส่วนของการแต่งตั้ง จะเป็นสัดส่วนที่กลุ่มอำนาจทหารครองสภา โดยที่ให้กลุ่มอื่นๆ
มีมาอยู่จพนวนหนึ่ง นั่นคือการกำหนดผลโหวตในสภาไว้แบบเบ็ดเสร็จแล้ว ซึ่งสร้างความไม่พอใจต่อ อำนาจสี่เสามาก

2. การนำแม่ทักนายกองเข้าพบเจ้าของบ้านสี่เสาของประวิตร วงศ์สุวรรณ นัยนั้นไม่ใช่ไปแสดงความเคารพ หากเแต่เป็นการ
ขุ่มขู่ เพื่อแสดงให้เฒ่าสี่เสาเห็นว่า ทหารที่สังกัดสายบูรพาพยัคเป็นเอกภาพ หากป๋าจะลองกำลัง ป๋าอาจจะไม่มีที่อยู่ในแผ่นดินนะ
นั่นคือคำเตือนขี่ต้องวิเคราะห์ ดังนั้น ป๋าอยู่คิดปฏิวัติซ้อนเป็นอันขาด นัยของการขับเคลื่อนเป็นดังนี้ หากแต่สื่อออกมาคล้าย
ประหนึ่งว่า เคารพป๋าเสียเหลือเกิน

3. การป่วย และเข้าโรงพยายาบาลของคนชั้นนำ Elite ไม่ว่าจะเป็นหมายเลข 1 หมายเลข 2 หรือถั่วก็ตาม หลังๆ มามักจะไม่มี
การแถลงการของสำนักเมืองเทพ ซึ่งนัยอาจจะไม่เป็นเรื่องของการเจ็บป่วย เพราะเท่าที่สังเกตุต่อเหตุการบ้านเมืองหลายต่อหลายครั้ง
ชนชั้น Elite มักจะให้เครื่อง RED CROSS เป้นกำบังตนเองเพื่อให้เหล่าอันธพลาลได้กระทำการปล้นประเทศ เมื่อเสร็จแล้วค่อยออกมา
ก็จะเห็นเป็นอย่างนี้เรื่อยมา แต่คราวนี้ ผมไม่รู้จริงๆ ว่ามีนัยอย่างนั้นหรือไม่

4. ปรากฏการณ์ของผู้ผิดหวัง กลุ่มสมคบคิดหลายกลุ่มเริ่มแสดงออกถึงความไม่พอใจต่อการปฏิรูปประเทศของรัฐบาลเผด็จการทหาร
กลุ่มที่แสดงออกมาอย่างชัดเจน คือกลุ่มชาวสวนยางพารา โดยกลุ่มนี้เคยเรียกร้องรัฐบาลยิ่งลักษณ์กำหนดราคายางพาราถึง 120 บาท/กก
ทั้งๆที่ราคาตลาดอยู่ที่ 60-70 บาท/กก มาปัจจบันรัฐบาลทหารก็ไม่ทำอะไรเกี่ยวกับพวกชาวสวนยาง ราคายางพาราจึงอยู่ที่ 40 กว่าบาท/กก
การเคลื่อนตัวของกลุ่มปฏิรูปพลังงาน ซึ่งจะมีพุทธอิสระ นางรสนา โตสิตระกูล นายวีระ สมความคิด ก็ได้เคลื่อนตัวกับกลุ่ม NGO ภาคตะวันตก
เนื่องจากผิดหวังที่กลุ่มตนไม่ได้รับการคัดเลือกให้เป็น สปช. เลย กลุ่มแมลงสาบที่พยายามเหลือเกินที่จะบอกกับสังคมว่า "ปชป. เป็นอิสระต่อกันกับ กปปส."
แต่ก็ยังคงออกมาตีโพยตีพายอยู่เสมอ อีกทั้งยังมีเครือข่ายของพรรค ผู้นำพรรค ไปสุมหัวกันอยู่ที่สวนโมกข์ จากสวนโมกข์ที่เคยสงบ ความนี้
ก็กำลังระอุจากผ้าเหลืองที่มีโจรโกนหัวไปหุ่มและแฝงตัวอยู่ในวัด ซึ่งทางวัดก็คงให้ความเมตตาว่า ที่จะโปรดโจรให้เป็นคนดีประหนึ่งองคุลีมาร
กระนั้นมัง

5. ประกฏการณ์บ้านสี่เสา หลังจากที่แสดงออกถึงความไม่พอใจที่มีต่อรัฐบาลเผด็จการทหาร ก็มีนายทหารเพียงนายเดียง คือ ไพบูลย์ คุ้มฉายา
ที่เขาอวยพรวันเกิด ก็เริ่มออกมาร่วมฟังดนตรีของอาจารย์สุกรี ซึ่งเป็นคนเชื้อสายจังหวัดสงขลา จังหวัดเดียวกับบ้านเกิดของปร๋าสี่เสานั่นเอง
ซึ่งก่อนหน้านี้ เคยเอาปี๊บคลุมหัวประท้ง ดร.รัชตะ อธิการบดี มหาวิทยาลัยมหิดล ผู้ร่วมชมคอนเสริทครั้งนี้ ส่วนใหญ่เป็นนักวิชาการโดยทั้งสิน
นัยะ ที่ต้องขบคิดคือ การเดินทางเข้าชมคอนเสริท ครั้งนี้ ไม่ใช่เพียงเพราะชอบในงานสุนทรีย์ ของดนตรีแต่อย่างได้ หากแต่กำลังบอกว่า
การต่อสู้ในครั้งต่อไป เป็นการต่อสู่ในทางวิชาการ และกลุ่มนักวิชาการที่เข้าร่วมในครั้งนี้ ถือว่าเป็นแนวร่วมสมคบคิดกับป๋า พวกที่ไม่เข้าร่วม
ก็อย่าได้หือ......

ก็ยังคงมีปรากฏการณ์ต่างๆ อีกมากมาย ขอยกยอดไปคราวต่อไป คราวนี้เมื่อยและมีเวลาจำกัด ขอไว้แต่เพียงเท่านี้

 

Inga kommentarer:

Skicka en kommentar