onsdag 23 juli 2014

ภาพบทเรียนในอดีต ย้อนรอยอดีดเมื่อ ๕๖ ปียุค"เผด็จการสฤษดิ์" กับอำนาจ ม.๑๗ ภาพและเรื่องราวเหล่านี้เกิดขึ้นกับประชาชนไทยในสมัยบ้านเมืองยังไม่เจริญล้าหลังด้อยพัฒนาทุกด้าน ดังนั้นการต่อต้านผู้นำเผด็จการสมัยนั้นจึงมีขีดจำกัด เพราะการรับรู้ข่าวสารว่าเกิดอะไรขึ้นในสังคมไทยแทบจะไม่มีในหมู่ประชาชนโดยเฉพาะคนที่อยู่ต่างจังหวัด เมือนำเปรียบเทียบกับสมัยปัจจุบันที่สังคมโลกได้เปลี่ยนไปเป็นสังคมไฮเทคโนโลยี่ยุคโลกไร้พรมแดน ทุกสิ่งทุกอย่างสามารถติดต่อรับรู้กันได้อย่างรวดเร็วเพียงเสี้ยววินาที แล้วอำมาตย์เผด็จการทรราชยังจะตาบอดหูหนวกจมปลักใช้อำนาจเผด็จการเหมือนในอดีตได้อย่างไร....ขอทำนายว่าเผด็จการตายแน่ๆ

วันนี้ฝากเรื่องราวที่เกิดขึ้นในอดีตเพื่อให้ประชาชนไทยในวันนี้ได้ศึกษาเรียนรู้ความจริงในอดีตเรื่องราวความโหดเหี้ยมอำมหิตมัวเมาหลงไหลในอำนาจของอำมาตย์เผด็จการทรราช"คนเดิม"จากวัยหนุ่มจนถึงวัยชราที่กระทำกับปัญญาชนและประชาชนผู้บริสุทธิ์ที่มีความคิดก้าวหน้าทันสมัย   เห็นต่างกับพวกอำมาตย์ทรราชเหลือบศักดินา  เหล่าบรรพชนวีรชนผู้กล้าที่เสียสละไม่ยอมก้มหัวให้พวกอำมาตย์เผด็จการทรราชจอมซาตานลวงโลก  พวกเขาถูกพวกเผด็จการ กดขี่ข่มเหงรังแก  ถูกกล่าวหาใส่ร้าย จับขังคุก  ถูกฆ่าตายเป็นจำนวนมากมาย  แต่การต่อสู้เรียกร้องความถูกต้องยุติธรรมก็ไม่เคยหมดไปจากสังคมไทย   จากอดีตสืบต่อกันมารุ่นแล้วรุ่นเล่าไม่มีวันสิ้นจนมาถึงยุคปัจจุบันและจะมีต่อไปจนกว่าจะได้ชัยชนะ  นำความถูกต้องยุติธรรมกลับคืนมาสู่สังคมไทยและได้ระบอบประชาธิปไตยที่แท้จริง ...มาสู่ปวงชนชาวไทยและประเทศไทย.........................

ข่าว  ThaiE - news
ชาญวิทย์ เกษตรศิริ : โมเดลของ คสช ไม่ใช่ คมช (เปรียบเทียบ แล้วหลงทาง) โมเดลของ คสช คือ ปฏิวัติ 2501/02 ของสฤษดิ์



ที่มา FB Charnvit Ks

Thai political history is repeating itself
(From Sarit/Thanom to Prayuth)
It should be compared to Sarit's 2502/1959
ควรจะต้องเปรียบเทียบกับ ธรรมนูญฉบับ สฤษดิ์ ธนะรัชต์ 2502
จะเห็นภาพว่า คสช ต้องการทำอะไร

เพราะ สฤษดิ์ น่าจะเป็น โมเดล
ของอนุรักษ์นิยม อำนาจนิยม และ อประชาธิปไตยมวลไทย

สรุป
โมเดลของ คสช ไม่ใช่ คมช (เปรีียบเทียบ แล้วหลงทาง)
โมเดลของ คสช คือ ปฏิวัติ 2501/02 ของสฤษดิ์
ที่ให้อำนาจเบ็ดเสร็จ absolutism ม 17 กับ นรม
และที่ใช้เวลาร่างรัฐธรรมถึงกว่า 10 ปี
(ดึงเกม อยู่ในอำนาจ)
จะมาคลอดคือ รัฐธรรมนูญฉบับ 2511 ครับ
cK@WiilHistoryRepeatItself???
http://th.wikisource.org/wiki/ธรรมนูญการปกครองราชอาณาจักร_พุทธศักราช_๒๕๐๒





อย่าลืมความจริงโทษจอมพลสฤษดิ์คนเดียว! ต้องโทษบุคคลสำคัญคือ"ผู้ลงนามเซ็นมอบอำนาจ"นั้นให้จอมพลสฤษดิ์และทุกนายพลที่ทำการยึดอำนาจ ...โดยเฉพาะนายพลคนสุดท้ายที่รับอำนาจมาสดๆร้อนๆ

กรณีการใช้มาตรา 17- การปราบปรามคอมมิวนิสต์ในประเทศไทย
- การสั่งประหารชีวิตบ้านต้นเพลิงที่ตลาดพลู
- การสั่งยึดทรัพย์จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ โดย จอมพลถนอม กิตติขจร
- การสั่งยึดทรัพย์จอมพลถนอม กิตติขจร โดย นายสัญญา ธรรมศักดิ์
คดีแรก วันที่ 6 พฤศจิกายนที่ตำบลบางยี่เรือ

คดีที่ 2 วันที่8 พฤศจิกายน เพลิงไหม้ที่ตลาดพลูมูลค่าความเสียหายหลายล้านบาทในสมัยนั้น

คดีที่ 3 ในวันที่25 พฤศจิกายน เพลิงไหม้โรงเลื่อยจักรบ้วนเฮงหลง ตำบลวัดพระยาไกร และ

คดีที่ 4 ในวันที่ 19 ธันวาคมปีเดียวกัน เกิดเพลิงไหม้บ้านเรือนเกือบ 300 หลังคาเรือนที่ตลาดท่าช้าง อ.เดิมบางนางบวช จ.สุพรรณบุรี ครั้งนี้จอมพลสฤษดิ์ เดินทางด้วยเฮลิคอปเตอร์เพื่อบัญชาการดับไฟและสอบสวนผู้ต้องหาด้วยตนเอง และมีคำสั่งยิงเป้าผู้ต้องหาทันที ณ ที่เกิดเหตุนั้นเอง




อำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาดจาก “คทาจอมพล” กลายเป็นอาญาสิทธิ์การปกครองที่ไม่อนุญาตให้ผู้หนึ่งผู้ใดละเมิดหรือโต้แย้งได้ในส่วนการควบคุมประชาชนนั้น การกำจัดเสรีภาพในการคิด การพูด และการแสดงความเห็นผ่านสื่อต่างๆ ซึ่งในเวลานั้นสื่อที่สำคัญที่สุดคือ “หนังสือพิมพ์” คณะปฏิวัติภายใต้การนำของจอมพลสฤษดิ์ ถือเป็นการดำเนินการเร่งด่วน เริ่มจากการกวาดล้างจับกุม นักการเมือง นัหนังสือพิมพ์ ปัญญาชนนักคิดนักเขียน นักศึกษา อาจารย์และปัญญาชน ผู้นำกรรมกรและผู้นำท้องถิ่น รวมทั้งพระภิกษุสงฆ์ที่ถูกจับสึกในเวลาต่อมา รวมทั้งสิ้นเป็นจำนวนหลายร้อยคนโดยไม่มีการไต่สวนตาม
กฎหมายแต่อย่างใด อาทิเช่น

- นายอุทธรณ์ พลกุล,
- นายอิศรา อมันตกุล,
- นายกรุณา กุศลาศัย,
- นายจิตร ภูมิศักดิ์,
- นายแคล้ว นรปติ,
- นายทองใบ ทองเปาด์,
- นายอุดม ศรีสุวรรณ,
- นายทวีป วรดิลก,
- นายสุพจน์ ด่านตระกูล และ
- พระมหามนัส จิตตธัมโม วัดมหาธาตุ เป็นต้น


กระบวนการโฆษณาชวนเชื่อถูกนำมาใช้อย่างจริงจัง ตอกย้ำและต่อเนื่อง ผ่านวาทกรรม“สมัยปฏิวัติของข้าพเจ้า”



1. ยิงเป้า นายศุภชัย ศรีสติ เมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 2502 ที่ท้องสนามหลวง



2. ตามมาด้วยการยิงเป้า
นายทองพันธ์ สุทธมาศ และ
นายครอง จันดาวงศ์ อดีต ส.ส. จังหวัดสกลนคร จากพรรคแนวร่วมเศรษฐกร ที่อำเภอสว่างดินแดน จังหวัดสกลนคร เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม 2504 และ


3. วันที่ 24 เมษายน 2505 ยิงเป้า นายรวม วงศ์พันธ์ ณ แดนประหาร เรือนจำบางขวาง จังหวัดนนทบุรี

ผลที่ตามมาคือ ปัญญาชนจำนวนไม่น้อยที่ถูกบีบคั้นกดดันจากอำนาจเผด็จการ ตัดสินใจมุ่งสู่เขตป่าเขาใน ชนบทเข้าร่วมกับพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย ทั้งๆที่ในขณะนั้น พรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทยยังไม่อยู่ในสภาพเข้มแข็งพอจะลุกขึ้นสู้กับรัฐบาลได้แต่อย่างใด


ปลาย ปี 2504 นายจิตร ภูมิศักดิ์ ซึ่งขณะนั้นอยู่ในคุก แต่งเพลง “วีรชนปฏิวัติ” ขึ้น จากความความรู้สึกประทับใจในการต่อสู้ของนายครอง จันดาวงศ์ และในเวลาต่อมาเพลงนี้ก็ยังได้รับการเผยแพร่และขับร้องกันสืบเนื่องต่อมาในขบวนการฝ่ายประชาชน.

ผลที่ตามมาคือ ปัญญาชนจำนวนไม่น้อยตัดสินใจมุ่งสู่เขตป่าเขาในชนบททั้งที่พรรคคอมมิวนิสต์ยังไม่เข้มแข็งแต่อย่างใด

โลกวันนี้ ฉบับวันสุข วันที่ 24 - 30 ตุลาคม 2552
คอลัมน์ พายเรือในอ่าง ผู้เขียน อริน








..................................................................


                                                                   








Inga kommentarer:

Skicka en kommentar