torsdag 3 juli 2014

ศึกบัลลังก์เลือดแท้ๆ แต่เลือดนั้นดันตกมาเป็นของประชาชน " บัลลังก์เลือด (แต่เป็นเลือดของประชาชน).."..มันถึงเวลากันหรือยัง ที่ทุกคนกล้าพูดความจริงกันซักที ครับ “เราจะสู้กับใคร” เอวัง ได้เสียกันม้วนเดียวไปเลย จะตายหมื่น ตายแสนหรือ ตายล้าน มันก็คือตายเหมือนกัน.จะตายเพื่อคนตระกูลเดียว หรือตายเพื่อ อิสรภาพถาวร ก็เลือกเอา ....ฝากบทความนี้ให้พี่น้องเพื่อนร่วมชาติทุกคนได้อ่านและศึกษาเพื่อจะได้เข้าใจปัญหาความจริงทั้งหมดว่ามีที่มาที่ไปอย่างไร....แล้วประชาชนไทยเลือกตัดสินใจเลือกอนาคตของตนเองว่าจะอยู่อย่างทาสหรือจะร่วมมือกันสู้เพื่อปลดปล่อยตัวเองให้เป็นไทมีอิสระภาพ เสรีภาพ ภารดรภาพ..

ศึกบัลลังก์เลือด


โดย  อ่างขาง


หากวันนี้ ถ้าใครคนหนึ่งยังมีสติดีอยู่ แล้วได้มีโอกาสมานั่งทบทวนเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมด ภายในช่วงเวลา 8 ปีที่ผ่านมา ว่ามันเกิดอะไรขึ้น เขาคงนั้นคงจะรู้แล้วว่า เขานั้นคิดผิดไปเสียแล้ว

เริ่มจาก เรื่องภายในครอบครัวตัวเองแท้ๆ ที่ตนเองกลัวว่าทรัพย์สมบัติที่ได้สร้างเอาไว้ทั้งหมดจะสูญสิ้นไป โดยการล้างผลาญของลูกชายที่คาดว่าจะได้ขึ้นครองบ้านหลังใหญ่ต่อไปแน่ ตามประเพณีที่สืบทอดกันมาอย่างช้านานของวงศ์ตระกูล แล้วเกิดอาการเครียดขึ้นมา

คิดการอย่างแยบยล ที่จะเขียนพินัยกรรมใหม่ขึ้นมา ที่ต้องทำให้ตนเองได้รับความรู้สึกที่ดีกับลูกๆด้วย จึงได้อาศัยกฎของบ้านเป็นตัวกำหนดหลังจากตนเองต้องจากโลกใบนี้ไปแล้วโดยยืมมือพ่อบ้านออกแรงเรื่องนี้ให้เป็นรูปธรรมให้เห็นหน่อย แต่ ในการดำเนินการเพื่อแก้กฎบ้าน มันดันมีคนอีกผู้หนึ่งในตำแหน่งสามารถยับยั้งเรื่องนี้ได้ แผนนี้มันจึงต้องกลายเป็นเรื่องสลับซับซ้อนขึ้นมาอีกขั้นหนึ่ง จึงต้องเริ่มต้นจากการกำจัดคนๆนี้ก่อนเรื่องจึงจะสำเร็จได้

“ทักษิณ” ก็คือคนผู้นั้น ที่กำลังสะสมบารมีต้องตกเป็นเหยื่อเรื่องนี้อีกคนหนึ่ง ในหมากเกมที่ท่านผู้อวุโสกำหนดให้ จะต้องสิ้นไปด้วยทั้งชีวิตและบารมี แม้ว่าตนเองสามารถแก้กฎบ้านได้สำเร็จแล้วก็ตามที แต่ก็ยังไม่สามารถไว้วางใจได้ ยังนอนตายตาไม่หลับ วันดีคืนดี ทักษิณผู้นี้อาจมีการแก้กฎบ้านคืนกลับไปเหมือนเดิมก็ย่อมทำได้

 เมื่อตั้งโจทย์ไว้ก่อน ว่า “ทักษิณ” มันจึงผิดตั้งแต่เริ่มต้น 8 ปีที่ผ่านมา เมื่อผิดมันจึงบานปลาย เมื่อบานปลายแทนที่จะรีบหาทางแก้ไข กลับย้อนศร ทำสิ่งที่มันผิดจะให้กลับไปถูกให้ได้อีก มันจึงเละเทะไปกันใหญ่ พวกขุนพลอยพยัก ทั้งหวังดีหวังร้าย เสนอหน้าเข้ามาช่วยแก้ปัญหากันเพียบ

การที่จะกำจัดคนที่ชื่อ ทักษิณ มันไม่ใช่เรื่องที่ทำได้ง่าย มันต้องมีการวางแผนเตรียมการอย่างแนบเนียน ต้องร่วมด้วยช่วยกันหลายภาคส่วน และหนึ่งในนั้น ต้องมีทั้งภาคประชาชนเป็นผู้จุดชนวน สมทบด้วยกลุ่มตุลาการเป็นผู้ชี้ขาด เพื่อมิให้พลาด กลุ่มสุดท้ายที่จะต้องทำเมื่อทุกฝ่ายดำเนินการแล้วไม่สัมฤทธิ์ผล ต้องใช้กลุ่มกำลังติดอาวุธเข้าทำการปิดบัญชีซะเลย

เริ่มจากฟากประชาชน ที่ต้องทำลายความเชื่อถือก่อน นั่นคือการใช้ สื่อ ใส่ร้าย “ทักษิณ”ให้หมดความชอบธรรมให้ได้ เอาทั้งความจริงความเท็จออกมาเล่น โดยมุ่งหมายให้จมธรณีไม่ต้องผุดต้องเกิดกันไปเลย ส่วนเนื้อหาเพื่อให้ประชาชนได้เข้าถึงและรู้สึกโกรธเกลียดได้อย่างรวดเร็ว ก็ไปหยิบเอานิยายปรัมปรามาเล่นใหม่ นั่นคือนิยายเรื่อง “ล้มจ้าว” ลงทุนเอาข้อมูลเก่าๆ ในสมัยหลังสงครามโลกครั้งที่สองมาเล่น ทั้งนี้เพื่อจะได้โทษว่า ทักษิณ ใส่ร้ายเจ้า (แท้จริงจะมีใครสักกี่คนรู้ข้อมูลพวกนี้บ้าง) แต่การเล่นครั้งนี้มันเล่นเกินบทมากไปหน่อย ดันไปเอาข้อมูลของใครบางคนมาเล่นในโลกไซเบอร์ด้วย พร้อมหลักฐานจากต่างชาติเป็นหลักฐานมัดแน่น แทนที่ผู้คนในแผ่นดินจะรุมด่าทักษิณและกล่าวหาว่าทักษิณคิดการใหญ่จะล้มล้างสิ่งต้องห้าม กลับ มีผลตรงข้าม กลายเป็นว่าคนส่วนใหญ่ดันไปเชื่อเนื้อหาข้อมูลที่นำออกมาเผยแพร่ และ กลุ่มคนที่รับรู้ก็ดันเอามาเผยแพร่ต่อๆกันซ้ำแล้วซ้ำเล่าอยู่แบบนั้น จนผู้คนได้รับรู้เรื่องจริงกันทั้งหมด

เรื่องเลยกลับตาละปัดไป เริ่มจากการกำจัดทักษิณคนเดียว กลับกลายเป็นต้องมีศัตรูเพิ่มอีกหลายล้านคน

แทนที่จะสำนึกว่าผิดไปแล้วและหาทางแก้ไขแล้วเปลี่ยนแผนใหม่ แต่ยังดื้อรั้นไม่ทำและยังเชื่อมั่นในตัวเองเสมอ ที่ทำมาแล้วทั้งหมดนั้นคือ เดินมาถูกทางแล้ว

เปิดยุทศาสตร์ใหม่ด้วยการเปิดเผยเบื้องหลังกันแบบตรงไปตรงมาให้ประชาชนเห็นกันชัดๆไปเลย ”มึงสู้อยู่กับใคร” เพราะคาดการว่าถ้าใช้ยุทธศาสตร์นี้ ประชาชนหลายล้านคนจะต้องเปลี่ยนใจแน่ๆ

ผิดคาด ปี53 มืดฟ้ามัวดินออกมาต้านกันเพียบ เมื่อผิดคาดก็เลยพาล 100ศพของประชาชนผู้บริสุทธิ์จึงเกิดขึ้น คนสูญหายนับไม่ถ้วน คนเจ็บคนพิการอีกคณานับ ทรัพย์สินถูกทำลายกันนับมูลค่าหลายพันล้านบาท เศรษฐกิจสูญไปกว่าที่จะประเมินได้ บทเรียนครั้งนี้ซื้อมาด้วยราคาแพง

เมื่อไม่สมฤทธิ์ผล เล่นกันตามกติกาสากลแบบนานาอาระยะประเทศไม่ได้

จึงมีการวางแผนใหม่ ทบทวนกลยุทธ์กันใหม่ ส่วนหนึ่งของแผนแอบเจรจากับทักษิณในทางลับ ขอสงบศึกแล้วกลับมาเหมือนเดิม แต่ เบื้องหลังการเจราจาก็แอบซ่อนมีดเอาไว้ด้านหลังด้วย

มีดที่อยู่ด้านหลัง กำลังคิดวิธีการอย่างแยบยลขึ้นมาครั้งใหม่ ใช้เวลา3ปี แผนนั้นก็เสร็จสมบูรณ์

3ปีผ่าน

อำนาจนั้นกลับตาลปัดไปแล้ว ด้วยกำลังติดอาวุธ ปิดประเทศแต่ยังปากดี แล้วร่วมกันร้องตะโกนว่า”จะคืนความสุขให้ประชาชน ขอเวลาหน่อย”

ทันทีที่อำนาจเปลี่ยนมือ พวก ถือแส้ม้า ก็เปลี่ยนไป

จากทหารเลว ทหารผู้จังรัก กลายเป็นทหารการเมือง ทหารผู้หลงใหลในอำนาจแสงสี ทหารผู้ได้รับกลิ่นไอความทะเยอทะยาน ความละโมบเข้ามาสิงสถิตแทน

แผน ที่คิดว่าสมบูรณ์แล้วได้เปิดกล่องขึ้นมาใช้ในทันที

ภายในประเทศ จัดการกวาดล้างเหล่าผู้ร่วมอุดมการณ์ และแนวร่วมที่ครั้งหนึ่งต้องชะตากรรม สูญเสียเพื่อนสูญเสียญาติพี่น้องในครั้งก่อนและต้องโทษจำขังอีกหลายครอบครัว ยังคงเกาะกลุ่มกันอย่างเหนี่ยวแน่น โดยการสั่งให้มารายงานตัวแล้วมิอนุญาตให้กลับบ้าน จัดการแยกออกมาทีละกลุ่มทีละชุด พวกหัวอ่อนที่ยอมจำนนหลังจากได้ อบรม ข่มขู่ ล้างสมองกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก็ปล่อยตัวกลับบ้านกันไป ส่วนพวกหัวแข็งที่ไม่ยอมเข้าค่ายอบรมล้างสมองแต่โดยดี ก็สั่งตามไล่ล่า เอาตัวมาขึ้นเขียง จำขัง ขึ้นศาลสถิตที่คล้ายว่ายุติธรรมกันไป โดยยัดข้อหาหนักหน่วงอาจมีโทษจำคุกถึง10ปีขึ้นไปกันเลยทีเดียว

ปฏิบัติ ด้วยอำนาจปืนเพียงเดือนเดียว กองทัพสรุปทันที 70เปอร์เซ็นต์ของประชาชนถูกล้างสมองเรียบร้อยแล้ว ทุกคนเข้าใจดีหมดแล้ว ประชาธิปไตยที่แท้จริงไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง ต้องแบบทหารที่เข้ามายึดอำนาจในครั้งนี้ ถึงจะเรียกว่าประชาธิปไตยอย่างแท้จริง

ภายนอกประเทศ ผู้นำใหม่ที่เพิ่งออกจากเตามาหมาดหมาด ประกาศอย่างอหังการ์ ประเทศข้าฯนี้ยิ่งใหญ่นักไม่คิดจะง้อผู้ใดในโลกอีกแล้ว “เราจะอยู่อย่างเรา ไม่พึ่งพาใคร”

แม้จะโดนตอบโต้ออกมาจากหลายประเทศที่เคยร่วมมิตร อย่างไมตรี “คืนอำนาจให้ประชาชนไปเสียเถิด” ก็ไม่สนใจฟัง ยอมสละแล้วซึ่งมิตรไมตรี ยอมหักดิบเดียวดายมันอยู่ในโลกแห่งนี้ดีกว่า

แต่ เมื่อถึงเวลาเข้าจริงๆมันทำไม่ได้อย่างที่ตนเองคิด ในโลกเล็กๆใบนี้มันสื่อสารกันแค่วินาทีเดียวก็รู้เรื่องกันหมดแล้ว การค้า การทำธุรกิจที่ผูกพันกันมานาน ด้วยแค่ตัวหนังสือในกระดาษก็สามารถโอนถ่ายเงินกันได้แล้ว มันต้องชะงักกันไปหมด สัญญาในกระดาษอาจถูกยกเลิก เงินที่เป็นสภาพคล่องจากกระแสเงินที่ต้องผ่านเข้าออกเกือบทุกนาที ค่อยๆถูกทำลายลงไป ตลาดหลักทรัพย์ที่เป็นแหล่งทำมาหากินของคนรวยจริง กำลังจะล่มสลายลงไป เหตุจากพื้นฐานของกิจการที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์เริ่มสั่นคลอนด้วยเสถียรภาพของตัวมันเอง อันสืบเนื่องมาจากหลายปัจจัยที่ต้องพึ่งพาจากต่างประเทศ เหล่านี้ที่ทำให้ผู้นำใหม่ ต้องปวดเศียรเวียนเกล้าเป็นทวีคูณขึ้นทุกวัน

รัฐบาลใหม่ก็ยังตั้งไม่ได้ คณะรัฐมนตรีก็หาตัวมาลงไม่ได้ มันยากเย็นแสนเข็นนัก จำต้องเป็น ผู้นำคณะลิเก ต่อไปกันแบบนี้เรื่อยๆ หาที่สิ้นสุดตรงไหนมิได้ซักที เหล่าผู้ร่วมยึดอำนาจก็กระจายกันไปคุมกระทรวงทบวงกรมต่างๆ ชื่อซ้ำแล้วซ้ำเล่าอยู่แบบนั้น ประกาศออกมาทีไรก็ไอ้คนเดิมทุกที จนผู้ถูกแต่งตั้งอาจจะจำไม่ได้ว่าตนเองนั้นนั่งคุมอะไรกันบ้าง แต่ละคนมันเยอะซะเหลือเกิน

ผลพวงจากการยึดอำนาจในครั้งนี้ แม้ชนะได้ ประชาชนถูกกดหัวให้เชื่อฟังผู้นำได้จริง แต่สิ่งหนึ่งที่สูญเสียไปอย่างมหาศาลที่ไม่ได้คิดถึงข้อนี้กันเลย นั่นก็คือ สมบัติที่เป็นทรัพย์สิน เป็นเงิน ที่มันเคยงอกเงยขึ้นมาทุกวัน มันกำลังถูกแซะถูกทำลายไปทีละน้อย ในตลาดหลักทรัพย์เอง ค่าของมันเคยอยู่ที่ทุกครั้งที่ลมหายใจเข้าออก มันเคยงอกเงยมาล้านบาท มาถึงวันนี้มันตรงกันข้ามเสียแล้ว ทุกครั้งที่ลมหายใจเข้าออก มันถูกลดค่าของมันไปครั้งละไม่ต่ำกว่าล้านบาทไปแล้ว

ทุกสารทิศที่ลูกหลานเดินทางไป เคยได้รับความอบอุ่น ซาบซึ้ง กลายเป็นได้รับการรังเกียจเดียดฉันจากผู้ต้อนรับไปเสียแล้ว วงศ์ตระกูลกำลังตกต่ำไปเรื่อยๆจากสายตาของสื่อต่างประเทศ

หากจะโทษใครอีก ในครั้งกระนี้ ก็คงไม่พ้นคนที่ชื่อ ทักษิณ อีกเช่นเคย

ถ้า วันนี้ไม่มี ทักษิณ ท่านผู้อวุโสสูงสุด คงไม่พบชะตากรรมเช่นนี้ เป็นแน่แท้

แม้ว่า รู้ทั้งรู้ ทั้งทางตรงและทางอ้อม ทักษิณ หมดสภาพไปนานแล้วสำหรับประชาชนในประเทศ แต่ด้วยกระบวนการนี้เมื่อมีอะไรผิดพลาด แล้ว หาคำตอบไม่ได้ ทักษิณจึงต้องกลายเป็นสัญลักษณ์ในเรื่องนี้ต่อไปและอีกต่อไปอย่างเนินนานไม่มีวันจบสิ้น จนกว่าประชาชนจะชนะด้วยตัวของประชาชนเองเท่านั้น ชื่อทักษิณจึงจะหมดไปโดยปริยาย

ผู้คนที่คิดว่าตนเองคือผู้ชนะยังหลงระเริงกันไม่เลิก เลี้ยงฉลองกันไม่มีวันจบสิ้น ความโอ้อวดคุยโม้ทยอยกันออกมาทางสื่อมากมาย ทั้งที่มีหน่วยข่าวกรองของท่านผู้นำทำหน้าที่นี้อยู่แล้ว แต่เรื่องนี้ก็ถูกนำเอามาเชื่อมโยงจนได้ถึงเบื้องหลังการยึดอำนาจครั้งนี้ ใครเป็นผู้กระทำ ใครเป็นผู้วางแผน แผนที่กำหนดมาให้ประชาชนสองฝ่ายเข่นฆ่ากันเอง จนกระทั่งสื่อต่างชาติจับทิศทางได้ทั้งหมด จากที่เคยคาดเดาเอาไว้ก็สามารถแคะออกมาได้ทั้งหมด ใครคือผู้บงการตัวจริง

อีกด้านหนึ่งที่คิดว่าตนเองพ่ายแพ้ ก็ยัง ทะเลาะกันไม่เลิก แกนนำคนเสื้อแดงถูกประณามกันมากที่สุด และได้บังเกิดผู้เก่งกล้ามากมายเหลือเกิน “กูบอกแล้ว” ทำแบบนี้มันชนะได้อย่างไร

ทฤษฏีต่างๆพรั่งพรูกันออกมาไม่ว่าของเชกูวารา ไม่ว่าของมาร์คแอนเลนิน ไม่ว่าของมหาตมคานที หรือแม้แต่ทฤษฏีของกลุ่มผู้ก่อการร้าย อัลกออีดะ หรือกลุ่มโจรสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ก็ถูกนำมาเสนอ ถูกนำออกมาเปรียบเทียบ ในการประยุคใช้ เหล่านี้คือจิตใจของผู้บริสุทธิ์ ที่สูญเสียสิ่งที่ตนเองรักไป แล้วหวังจะเอาคนในเร็ววัน มันได้ถูกเพาะเป็นเชื้อตัวใหม่ขึ้นมาแล้วในสมองของ มนุษย์ที่อยู่ในประเทศนี้แล้ว

อะไรจะเกิดขึ้นนับจากนี้ไป “ประชาชนจะสู้กันตรงๆกับ ตัวก่อปัญหาเลยหรือไม่” ก็น่าคิดครับ เพราะคนในประเทศนี้ที่อาศัยในประเทศที่เป็นเสรี เปิดตัวตนออกมาหลายคนแล้ว “กูจะสู้กับมึง ตรงๆเลย”

ความหวังลางๆที่ไม่รู้ว่าจะเป็นจริงได้แค่ไหน จุดชนวนขึ้นมาก่อนใครเพื่อน “องค์กรเสรีไทย” โดยกลุ่มก้อนที่หนีไปต่างประเทศ รวมตัวกันตั้งขึ้นมา ในแนวทาง “ล้อมประเทศ” ประจานผู้นำประเทศ บีบให้พวกยึดอำนาจคืนอำนาจมาให้ประชาชนในเร็ววัน

แต่แนวทางมันยังคลุมเครือ ในเมื่อกล้าถึงขนาดนี้แล้ว ยอมสละ ตนเองทำได้ถึงเพียงนี้แล้ว อีกนิดเดียวทำไมถึงไม่กล้าทำ กล้าไหมที่จะประกาศว่า “องค์กรนี้ สู้อยู่กับใคร”

ทั้งหมดที่เกิดเรื่องนี้ขึ้นมา ก็เพียงเรื่องภายในครอบครับตัวเองเท่านั้น ก่อกันขึ้นมาแล้ว แก้ไม่ได้ บานปลายจนทำให้ประชาชนเดือดร้องทั้งประเทศ ประชาชนทั้งสองฝั่งเสียชีวิตให้กับเรื่องพินัยกรรมนี้ไปมากกว่า 200 ศพเข้าไปแล้ว

ศึกบัลลังก์เลือดแท้ๆ แต่เลือดนั้นดันตกมาเป็นของประชาชน

มันถึงเวลากันหรือยัง ที่ทุกคนกล้าพูดความจริงกันซักที ครับ “เราจะสู้กับใคร” เอวัง ได้เสียกันม้วนเดียวไปเลย จะตายหมื่น ตายแสนหรือ ตายล้าน มันก็คือตายเหมือนกัน

จะตายเพื่อคนตระกูลเดียว หรือตายเพื่อ อิสรภาพถาวร ก็เลือกเอา

Inga kommentarer:

Skicka en kommentar