onsdag 23 juli 2014

ตอนนี้เป็นที่แน่ชัดว่าไทยกลับเข้าสู่ยุคมืดอีกครั้งหนึ่ง‬

 
กานพูล กานพูล
·
ตอนนี้เป็นที่แน่ชัดว่าไทยกลับเข้าสู่ยุคมืดอีกครั้งหนึ่ง‬
บทความจาก อัลจาซีร่า น่าอ่านมาก
 

รัฐบาลเผด็จการทหาร กำลังหวาดระแวง และคิดว่าศัตรูอยู่ทุกมุมตึก
รัฐบาลเผด็จการทหารไทยกำลังสืบสวนการวางแผนสมคบคิด
ที่จะล้มล้างสถาบันกษัตริย์
สองเดือนหลังจากรัฐประหารรัฐบาลไทยยังคงเรียกตัวเข้ามาสอบปากคำ,
กักขังและกลั่นแกล้ง นักข่าวและนักวิชาการ
ระยะเวลาของการ "ปรับทัศนคติ" เป็นเผด็จการทหารเรียกกักบริเวณ
โดยพลการ อาจแตกต่างจากไม่กี่ชั่วโมงถึงเจ็ดวัน
ขึ้นอยู่กับ ผู้ที่ตกเป็นเหยื่อ จะเชื่อเทพนิยายแห่งความสงบสุขความสามัคคี
และความสุขที่รัฐบาลเผด็จการต้องการ ได้มากน้อยแค่ไหน
การเรียกตัวเข้าไปพูดคุย นี้ มีประสิทธิภาพมาก
ในการห้ามไม่ให้ ผุ้คัดค้านแสดงความเห็น และแสดงให้เห็นว่า
กองทัพมีความหวาดระแวง ว่า มีกลุ่มกองกำลังที่ต้องการล้มกษัตริย์ไทย
เป็นจำนวนมาก ผู้ที่ถูกเรียกตัว จะถูกซักถามให้เปิดเผยเรื่องในองค์กรดังกล่าว
อ.พิชญ์ พงษ์สวัสดิ์ เป็นหนึ่งในผู้ถูกเรียกตัว อาจารย์รัฐศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยและพิธีกรรายการโทรทัศน์ "Wake Up Thailand"
ถูกเรียกตัวไปพบกับกองทัพและ ถูกสอบถามเรื่ององค์กรที่จะล้มกษัตริย์
ว่ามีโครงสร้างองค์กร อย่างไร
ความเชื่อของเผด็จการทหารในเรื่ององค์กรล้มราชวงศ์ โดยทหารเชื่อว่า
อดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตร, ปัญญาชนหัวเสรี และเสื้อแดง
อยู่เบื้องหลัง เผด็จการทหาร ต้องการปราบปราม องค์กรนี้ ก่อนจะขยายตัว
โดยการปกป้องสถาบันกษัตริย์ เป็นความสำคัญสูงสุดของเผด็จการไทย
อ. ปวิณ อาจารย์ปากกล้าแห่งมหาวิทยาลัยเกียวโต ผู้ที่ปฏิเสธที่จะเดินทาง
กลับไทยหลังจากที่ถูกเรียกตัว เล่าว่า
"การใช้ประโยชน์จากสถาบันกษัตริย์ เป็นความสามารถอันโดดเด่น
ของกองทัพไทยในการรักษาบทบาทในการเมือง.
ตั้งแต่สมัยสงครามเย็น ทหารสามารถที่จะใช้สถาบันกษัตริย์
ที่จะค้ำประกันตำแหน่งและอำนาจของตน. เพื่อให้สังคมมองว่า
ตราบใดที่ กษัตริย์ ตกอยู่ภายใต้การคุกคาม เช่นนี้
ก็เป็นเรื่องถูกกฏหมายที่ ทหารที่จะเข้าไปแทรกแซงในการเมือง
และทำลายศัตรูทางการเมืองของตน.
แต่ที่สำคัญที่สุด คือการสร้างตัวตนของศัตรูขึ้นมา
ใครที่ไม่เห็นด้วยกับการทำรัฐประหารในตอนนี้ จะถูกมองว่าเป็นต่อต้าน
ราชาธิปไตย และเป็นศัตรูของรัฐไทย ".
ประเทศไทยในความสับสนอลหม่าน
การใช้สถาบันกษัตริย์ เพื่อปิดปากคนที่ไม่เห็นด้วย ไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่
ในสังคมไทย กฏหมายอันเลวร้าย ม.112 ถูกใช้เพื่อลงอาญาทุกคน
ที่หมิ่นประมาทดูหมิ่นหรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายกษัตริย์ ราชินี,
มกุฎราชกุมารหรือผู้สำเร็จราชการแผ่นดิน จำคุกถึง 15 ปี
ได้ถูกนำมาใช้อย่างมากเพื่อการนี้โดยเฉพาะอย่างยิ่งนับตั้งแต่
การชุมนุมคนเสื้อแดงในปี 2010
ในปี 2010 มีการแจ้งความ ถึง 478 คดี สูงเป็นสามเท่าเมื่อเทียบปี 2009
หลังทำรัฐประหารวันที่ 22 พฤษภาคม, รัฐบาลเผด็จการที่นำโดย
ประยุทธ์ จันทร์โอชา มีการยกระดับกลยุทธ์นี้เป็นประวัติการณ์
เพื่อพยายามจะบดขยี้ ฝ่ายตรงข้าม ที่เผด็จการเชื่อว่า ต้องการล้มกษัตริย์
เพียงแค่ในช่วงที่ผ่านมา ก็มีการแจ้งความขึ้นศาลไปถึง 17 คดี
ภายใต้ความหวาดระแวงของเผด็จการ ประยุทธ์ ก็มองเห็นศัตรูอยู่ในทุก
มุมตึก ตั้งแต่นึกศึกษากินแซนด์วิช นักวิเคราะห์ข่าวทีวี คนขับรถแท็กซี่
หรือ นักวิชาการที่เรียกร้องให้ปฏิรูปกฏหมาย ม.112
การฟื้นตัวของความคิดของ "ศัตรูของรัฐ" เพื่อยัดคดีให้ใครก็ตาม
ที่บังอาจวิจารณ์เผด็จการไทย นับเป็นเครื่องมือสำคัญสำหรับการปราบปราม
ซึ่ง ทหารไทยใช้มาเมื่อยุคสงครามเย็น
#ตอนนี้เป็นที่แน่ชัดว่าไทยกลับเข้าสู่ยุคมืดอีกครั้งหนึ่ง
เมื่อกษัตริย์และประเทศชาติ ถูกโจมตี ก็ถือว่าเป็นความชอบธรรมโดยทหาร
ที่จะใช้ความรุนแรงอย่างไรก็ได้
เหตุการณ์ลักษณะนี้ เกิดขึ้นเมื่อปี 2519 ที่กลุ่มสนับสนุนกษัตริย์
หรือที่รู้จักกันว่า ลูกเสือชาวบ้าน กลุ่มนวพล กลุ่มกระทิงแดง
พร้อมด้วยกองกำลังทหาร บุกเข้าข่มขืนและฆ่านักศึกษาหลายร้อยคน
และอีกหลายพันคนก็หนีไปอยู่ในป่าและเริ่มการต่อสู้
ประเทศไทยวันนี้ยังคงห่างไกลจากระดับของความรุนแรงนั้น
แต่อาการแรกของความหวาดระแวงของรัฐบาลเผด็จการทหาร
เริ่มโผล่ออกมาให้เห็นบ่อยครั้ง
อ. ปวิณ รวมถึงนักประวัติศาสตร์ไทยเลื่องชื่อ อ. สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล,
บุคคลที่ ประยุทธ เรียกว่า "ป่วยเป็นโรคจิตวิชาการ [ที่] มีความตั้งใจ
ในการล้มล้างสถาบัน" และผู้นำเสรีไทย ขบวนการต่อต้าน
ถูกกล่าวว่าเป็น ส่วนหนึ่งของกลุ่มล้มกษัตริย์ ถูกบีบให้หนีออกจากประเทศ
และถูกเพิกถอนเห็นหนังสือเดินทางและสัญชาติ
ในทำนองเดียวกัน ผู้ใดวิจารณ์การรัฐประหาร กำลังถูกคุกคาม
ด้วยข้อหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ และต้องถูกดำเนินคดีในศาลทหาร
ที่ฉาวโฉ่ และขาดสิทธิในการอุทธรณ์
โชคร้ายที่หน้าประวัติศาสตร์ของมนุษย์ มักมีจุดดำ
ที่มีระบอบการปกครองเผด็จการที่คล้ายกันแบบนี้และก่อให้เกิดหายนะ
ของการต่อสู้รุนแรง
เป็นเรื่องที่ปฏิเสธไม่ได้ว่า กษัตริย์ไทย ได้สูญเสียความนิยม
ตั้งแต่ราชวงศ์ ถูกมองว่าเป็นต้นเหตุของวิกฤตทางการเมืองในปัจจุบัน
และอยู่เบื้องหลังของเหตุการณ์เลวร้ายในหลายปีที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม ความไม่พอใจนี้ เป็นเรื่องที่บ่น ๆ กัน และก็แยกย้ายกันไป
ในหมู่เพื่อน มากกว่าจะเป็นกลุ่มสมรู้ร่วมคิดที่เกิดขึ้นจริง
ไม่ว่า รัฐบาลเผด็จการทหาร จะเชื่อมั่นว่ามีการพยายามล้มล้างราชวงศ์
จริง ๆ หรือเป็นเพียงการข้ออ้างที่จะ ใช้เป็นวิธีปราบปราม
ผลของความหวาดระแวงนี้เป็นจริง และเป็นตัวอย่างน่าขนลุก
ของการล่าแม่มดที่จะมาในประเทศไทย
http://www.aljazeera.com/indepth/opinion/2014/07/thailand-under-junta-201472171432889150.html
CR : phoenix griffin

Inga kommentarer:

Skicka en kommentar