torsdag 21 mars 2013


ถึง ประยุทธจันทร์โอชา
จาก RED USAทำไมวลีอันไร้ค่าจึงออกจากปากเจ้า

คำพูดอันเนื่องมาจากคำให้สัมภาษณ์ของเจ้า
หลังรายการตอบโจทก์ "ซี่รี่ 5" ที่สมศักดิ์กับศิวลักษณ์ปะทะปัญญากันทางทีวี
ให้ชาวบ้านร้านช่องได้รู้ถึงเหตุ รู้ถึงผล ซาบซึ้้งถึงความเป็นมาและตระหนักถึงสิ่่งที่จะเป็นไป

แต่เจ้ากลับตะเพิดพวก (ที่เจ้าอ้างว่า)ไม่เอาเจ้า แก้ ม.112 ให้ออกไปจากประเทศไทยนั้น
มันรับไม่ได้จริงๆ มันกร่างเกินไป เพราะถ้าเทียบอาวุโสและซีกับบรรดาข้าราชการทั่วไปแล้ว
เจ้าอาจมีตำแหน่งแค่อธิบดีเท่านั้น ยังไม่ถึงระดับปลัดกระทรวงด้วยซ้ำ
ดังนั้นจงอย่าทำตัวกร่างให้มากนัก

ที่เจ้ามีตำแหน่งเป็นถึง ผบ.ทบ. และผู้คนให้ความเกรงกลัวเจ้าทั้งแผ่นดินนั้น เจ้าจงพึงสำเหนียกไว้ว่า
ความเกรงกลัวของคนทั้งแผ่นดินมิได้เกิดจากคุณงามความดีที่เจ้ากระทำ และก็มิได้ก่อเกิดจากผลงานของเจ้า
ที่คนเกรงกลัวเพราะเจ้ามีปืน และมีกองกำลังทหาร

ทั้งอาวุธและกองกำลังทหาร
ล้วนถูกจัดหาจัดซื้้อมาด้วยภาษีของประชาชนทั้งนั้น

มันฟังดูบาดหู มองดูแล้วขัดตา ทั้งขัดความรู้สึกและขัดใจประชาชนเป็นอย่างยิ่ง
เนื่องจากอาวุธที่เจ้าถือ กองกำลังที่เจ้าครอบครอง เงินเดือนที่เจ้าได้รับ งบลับที่กลายเป็น "งบเรา"
กลับถูกนำมาใช้กดขี่เข่นฆ่าประชา

ข้อความที่กล่าวในวรรคต้นเจ้าก็รู้มิใช่หรือว่า มันเป็นความจริง เพราะฉะนั้น
อย่าดูถูกประชาชน อย่าขับไล่ประชาชนเหมือนหมูเหมือนหมาให้ไปอยู่ที่อื่น
เพราะบ้านหลวง รถหลวง น้ำมันหลวงและอีกสารพัดที่เป็นของหลวงที่เจ้าและพวกเจ้าใช้เสวยสุขกันอย่างฟุ่มเฟือยนั้น
มันมาจากค่าภาคหลวง
ซึ่งก็คือ "ภาษี" ที่เก็บมาจากประชาชนทั้งนั้น
รวมทั้งที่ดินที่เจ้าซุกหัวนอนก็เป็นของประชาชน

คำขวัญที่พวกเจ้าและกองกำลังของเจ้าติดไว้ทุกค่ายคูประตูหอรบว่า
"เพื่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์" มานานนับชั่วอายุคนนั้น มันไม่เคยให้ความสำคัญต่อประชาชนเลยจริงๆ
ทั้งๆที่ค่าใช้จ่ายในการทำป้ายและคำขวัญนั้นก็มาจากภาษีของประชาชน
เพิ่งมาไม่กี่ปีนี้หรอกที่พวกเจ้าเริ่มมีลางสังหรณ์ ได้กลิ่นสาปสางว่าประชาชนจะเป็นใหญ่ในแผ่นดิน
เจ้าจึงเพิ่มคำขวัญเป็น"เพื่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์และประชาชน"

แต่คำขวัญก็คือคำขวัญ เพราะมันไม่เคยเป็นจริงในทางปฏิบัติ เพราะถ้าเจ้า และคนอย่างเจ้า"เห็นหัวประชาชน"จริง
คงไม่ลากอาวุธยกพลนับหมื่นมาไล่ล่า ลั่นกระสุนปลิดชีวิตประชาชนมือเปล่ากลางกรุงหรอก เจ้าว่าจริงไหมประยุทธ

เจ้ารู้ตัวหรือเปล่าว่าเจ้าได้สุมไฟกองใหญ่ให้เกิดการแตกแยกครั้งใหม่
ที่ใหญ่กว่าเก่าอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในประวัติศาสตร์ประเทศไทย ด้วยคำสัมภาษณ์เพียงไม่กี่คำของเจ้า
อยากจะยืมวลีอมตะของประธานศาลตลก.มาให้เจ้าได้ทบทวนอีกสักรอบว่า
"เจ้าแกล้งโง่หรือว่าโง่จริงๆ"

เจ้ารู้หรือเปล่าที่ "สถาบัน"เสื่อมเป็นเพราะคนอย่างเจ้าที่ไม่รู้จักแยกแยะผิดถูก
เอาข้อหา "หมิ่นสถาบัน"ไปใส่ร้ายกล่าวหาปรปักษ์ทางการเมืองและผู้ฝักใฝ่ประชาธิปไตย
จับบุคคลที่ถูกกล่าวหาใส่ขื่อตีตรวน ควบคุมกักขังโดยไม่เปิดโอกาสให้แก้ข้อกล่าวหา
ทั้งๆที่ข้อกล่าวหานั้นไม่เป็นความจริง

เจ้ารู้ไหมว่าบุคคลที่ถูกกล่าวหาด้วย "ข้อหาหมิ่น"โดยไม่เป็นธรรมและถูกจองจำอย่าง"ไร้มนุษยธรรม"นั้น
พวกเขามีครอบครัว มีพี่มีน้อง มีญาติสนิทมีมิตรสหาย และมีประชาชนที่รักความเป็นธรรมเฝ้ามองดูอยู่ด้วยจิตใจหดหู่
ประยุทธเจ้าจงรู้ไว้ว่ายิ่งคนอย่างพวกเจ้ากล่าวหาและจับกุมคุมขังประชาชนผู้รักเสรีภาพด้วยข้อหา "หมิ่นสถาบัน"มากเท่าใด
เจ้าก็จะเพิ่มจำนวนคนที่หดหู่กับการกระทำของคนอย่างเจ้ามากขึ้นเท่านั้น
พร้อมถมทับทวีคูณด้วยจำนวนคนในครอบครัว ญาติพี่น้อง เพื่อนสนิทมิตรสหายและประชาชนผู้รักความเป็นธรรม
และนั่นคือการนำไปสู่ความ "ล่มสลาย" ของสถาบัน
ตอนนี้เจ้ารู้แล้วหรือยังว่าคนอย่างสมศักดิ์คนอย่างศิวลักษณ์เค้ารัก "สถาบัน"มากกว่าเจ้า
ถ้าเจ้ายังไม่เข้าใจ ก็จะบอกให้เอาบุญ (บุญที่จะบอกให้เจ้ารับรู้นี้มิได้มีจุดประสงค์ก้าวล่วงบุคคลใดหรือผู้หนึ่งผู้ใด)
นั่นคือเจ้าและคนอย่างพวกเจ้า ที่คำก็อ้าง "พ่อของแผ่นดิน"คำก็อ้าง "แม่ของแผ่นดิน"นั้น
เจ้าหารู้ไม่ว่าคนอย่างพวกเจ้าได้นำเอา "พ่อของแผ่นดินและแม่ของแผ่นดิน"มาผูกติดกับการกระทำที่ต่ำช้าของคนอย่างเจ้านะประยุทธ

มีพ่อแม่ที่ไหนทำร้าย เข่นฆ่าลูกของตนเอง อย่าว่าแต่การจับกุมตีตรวนคุมขังเลย
ประยุทธอยากถามเจ้าว่าถ้ามีพ่อแม่หรือที่พวกเจ้าชอบอ้างว่า"พ่อของแผ่นดินแม่ของแผ่นดิน"ทำร้ายเข่นฆ่าประชาชน
ซึ่งเปรียบเสมือนลูก ด้วยข้อหา "หมิ่น" ตามมาตรา 112 อย่างที่เกิดขึ้นในประเทศไทยปัจจุบัน เจ้าคิดว่าประชาชนจะรู้สึกอย่างไร
ดังนั้นอย่าไปโทษประชาชนต้องโทษคนอย่างเจ้า
และคำว่า "สถาบันเสื่่อม" "หมิ่นสถาบัน" และคำว่า "ล้มเจ้า"
ล้วนเป็นวาทะกรรมที่คนอย่างพวกเจ้าประดิษฐ์ประดอยกันขึ้นมาเองทั้งนั้นประชาชนคนทั่วไปหาได้รับรู้ไปกับคนอย่างพวกเจ้าไม่

การที่เจ้าอ้างถึงอดีตนั้น เจ้าต้องอ้างให้ถูกเพราะในอดีตไม่เคยมีประชาชนแอบอ้าง "สถาบัน"เพื่อประโยชน์ของตนเองและพวกพ้อง
นอกจากคนของพรรคประชาธิปัตย์ที่ไปตะโกนในโรงหนังว่า "ปรีดีฆ่าในหลวง"
ซึ่งเป็นต้นแบบให้คน "คลั่งเจ้า"อย่างเจ้าและพวกเจ้าเอาเป็นเยี่ยงอย่างมาจนปัจจุบัน เจ้าคงรู้ใช่ไหมประยุทธ

ประยุทธถ้าเจ้าต้องการอ้างอดีต พูดถึงประวัติศาสตร์เจ้าต้องศึกษาให้รู้จริงว่าคนที่เอาเลือดทาแผ่นดินรักษาประเทศแห่งนี้ไว้
คือประชาชนที่พวก "เจ้า" เรียกว่า "ไพร่" นั้นได้ผูกผ้า ประเจียดคาด "ตะเบงมาน" ออกรบทั้งหญิงและชาย
เอาชีวิตไปสังเวยเพื่อให้คนอย่างเจ้าได้อยู่ดีกินดีอย่างในปัจจุบันไง ไม่ใช่ทหารอย่างพวกเจ้า ที่เอาแต่กอบโกยกัดแทะกระดูกประชาชน
ถ้าเอาคดีความกันจริงๆในข้อหาร่ำรวยผิดปรกติคงมีนายทหารเป็นผู้ต้องหานับพันราย
ดังนั้นก็จงอย่าได้คิดทวงบุญคุณกับประชาชนว่าทหารคือรั้วของชาติ

ประยุทธเจ้าจบจาก จปร. เป็นนายร้อยห้อยกระบี่จนได้ปรับยศเป็นนายพลในปัจจุบันเจ้าคงรู้ความเป็นมาของทหารประจำการ
และกองกำลังที่ก่อตั้งกันอย่างเป็นทางการว่ามีขึ้นตั้งแต่เมื่อไร ออกรบกี่ครั้ง แพ้ ชนะกี่ครั้ง ใช่ไหม
แต่เจ้ารู้ไหมว่าประชาชนเค้าไม่เคยจำได้เลยว่าทหารไทยเคยรบในสงครามใดเพื่อปกป้องบ้านเกิดเมืองนอนของตนเอง
นอกจากเป็นทหารรับจ้างไปตายแทนทหารต่างชาติในสมรภูมินอกประเทศให้บรรดาเจ้านายที่เป็นนายพันนายพลกินหัวคิวกันพุงปลิ้น

แต่ที่ประชาชนรู้คือทหารไทยรบแพ้ลาว ทหารไทยกลัวทหารเขมรอย่่างหนูกลัวแมว
และที่ประชาชนจำได้ไม่มีวันลืมคือทหารไทยรบชนะนักศึกษามือเปล่าเมื่อ 14 ตุลาคม 2516 
ฆ่านักศึกษามือเปล่าตายเป็นเบือเมื่อ ตุลาคม 2519 ไล่เข่นฆ่าประชาชนมือเปล่าเมื่อ 17 กันยายน 2535
ถล่มประชาชนเมื่อวันสงกรานต์ 13 เมษายน 2552 เข่นฆ่าสังหารหมู่ประชาชนกลางเมืองหลวงระหว่าง
วันที่ 10 เมษายน 2553 ถึง วันที่ 19 พฤษภาคม 2553 ทำให้มีผู้เสียชีวิตกว่า 100 ราย บาดเจ็บกว่า พันคน
จับประชาชนไปจองจำอีกนับร้อย ยังไม่นับที่ถูกตามล่าตามฆ่าอีกมากมาย
และถ่วงรั้งความเจริญของประเทศทุกครั้งที่ประเทศเริ่มพัฒนา ประชาชนเริ่มมีกินมีใช้ด้วยการทำรัฐประหาร
การทำรัฐประหาร 18 ครั้งในช่วงเวลาประมาณ 70 ปีที่ผ่านมาคือสติถิที่ไม่มีประเทศใดทำได้

วรรคข้างต้นคือผลงานของทหารไทยที่ประชาชนจำได้
ทหารไทยที่ประยุทธประกาศว่าเป็นทหารของพระราชา

Inga kommentarer:

Skicka en kommentar